เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 170 ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ เนื่องจากยังดำรงตำแหน่งนายกฯไม่ครบ 8 ปี และให้นับวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 60 บังคับใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.60 ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในเมื่อเริ่มนับวาระดำรงตำแหน่ง 6 เม.ย.60 แล้วทำไมในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งนายกฯ เมื่อปี 62 ถึงไม่มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้นว่า เป็นเรื่องการตีความกฎหมายคนละฉบับกัน ในส่วนของ ป.ป.ช. ตีความตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ส่วนเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการตีความตามรัฐธรรมนูญ


นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ประเด็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยอธิบายไว้แล้วว่า เรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กับเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี เป็นคนละเรื่อง ไม่ได้เกี่ยวกัน

“อย่างที่อาจารย์วิษณุเคยพูดไปแล้วว่า การวินิจฉัยแต่ละองค์กรแตกต่างกัน กฎหมาย ป.ป.ช.ตีความเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ส่วนรัฐธรรมนูญตีความเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นคนละส่วนกัน” นายนิวัติไชย กล่าว