เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมหารือกับนายเวียงสะหวัด สีพันดอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการพัฒนาเชื่อมโยงการขนส่ง การค้า การลงทุนของ สปป.ลาว เกี่ยวกับโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ โรงแรม Muong Thanh Luxury Vientiane Hotel สปป.ลาว

นายอนุทิน กล่าวว่า การประชุมร่วมกับกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ครั้งนี้ เป็นการประชุมสำคัญที่ทั้งประเทศไทย และ สปป.ลาว ได้เห็นชอบร่วมกันในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน ถือเป็นการยืนยันคำหมายมั่นของประเทศไทยที่ต้องการจะส่งเสริม และสานต่อมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน ขอชื่นชมรัฐบาลลาวต่อการเปิดให้บริการโครงการรถไฟลาว-จีน ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมนครหลวงเวียงจันทน์กับคุนหมิง ที่จะส่งเสริมการขนส่งสินค้า และผู้โดยสารระหว่างลาวและจีนให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า รัฐบาลไทยมีความตั้งใจที่จะทำให้การเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างหนองคายและเวียงจันทน์ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งสองประเทศ ตลอดจนส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งอย่างเป็นระบบ อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

สำหรับการประชุมครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันหารืออย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายนำผลการหารือไปปฏิบัติ เพื่อให้การเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมมีความคืบหน้า และเกิดผลประโยชน์สูงสุดสุดร่วมกัน

ด้านนายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายไทยมีแผนเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟหนองคายไปยังสถานีรถไฟเวียงจันทน์ ด้วยการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ได้ ซึ่งการหารือร่วมกันครั้งนี้ เป็นนิมิตหมายอันดีที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันที่จะพัฒนา และปรับปรุงความร่วมมือด้านการคมนาคมทั้ง 4 มิติ เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมร่วมกันระหว่างสองประเทศ สำหรับแผนการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน มีรายละเอียดดังนี้

1.แผนการก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าเปิดให้บริการปี 69, โครงการรถไฟไฮสปีด เฟสที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย อยู่ระหว่างปรับปรุงรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าเปิดให้บริการปี 71, โครงการรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทางประมาณ 167 กิโลเมตร (กม.) สถานีทั้งหมด 15 สถานี คาดว่าจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปี 65

2.การบริหารจัดการใช้ทางรถไฟ และการใช้สะพาน ซึ่งในระหว่างรอการก่อสร้างสะพานแห่งใหม่ จะบริหารจัดการสะพานเดิมโดยเพิ่มขบวนรถขาไป 7 ขบวนและขากลับ 7 ขบวน รวม 14 ขบวน และเพิ่มจากขบวนละ 12 แคร่ เป็น 25 แคร่ โดยกรมทางหลวง (ทล.) ทำการทดสอบการรับน้ำหนักรถไฟ ในระดับ U-20 เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของสะพาน ส่วนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ จะอยู่ใกล้กับสะพานเดิม ห่างประมาณ 30 เมตร มีทั้งทางรถไฟขนาดมาตรฐาน และทางขนาด 1 เมตร ปัจจุบันได้ข้อตกลงว่าฝ่ายไทย และฝ่ายลาว จะร่วมลงทุนค่าใช้จ่ายร่วมกันในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย โดยกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ ทล. ดำเนินการออกแบบสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ให้สามารถรองรับรถยนต์ด้วย 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ทล. ได้ปรับการดำเนินการออกเป็น 2 เฟส แบ่งเป็น เฟสที่ 1 การศึกษาความเหมาะสมของโครงการ (Feasibility Study : FS Study) และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination: IEE) และเฟสที่ 2 งานออกแบบรายละเอียด (Detailed Design) และงานศึกษาทบทวนผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งขณะนี้ ทล. ได้ประกาศร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference : TOR ) สำหรับการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโครงการ

3.การพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้าแนวทางพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้าของฝั่งไทย-ลาว เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะเร่งด่วน การพัฒนาย่านสถานีหนองคายเป็นพื้นที่เปลี่ยนถ่ายสินค้า การเตรียมความพร้อมในการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว โดยพัฒนาบริเวณสถานีที่มีพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้าระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนถ่ายจากถนนสู่ราง ซึ่ง รฟท. ได้ปรับปรุงพื้นที่บริเวณลานยกขนสินค้าเรียบร้อยแล้ว 

ทั้งนี้กรมศุลกากรดำเนินการขอออกประกาศใช้พื้นที่บริเวณสถานีหนองคายเป็นพื้นที่ตรวจปล่อย จำนวน 46,800 ตารางเมตร โดย รฟท. อยู่ระหว่างพิจารณาแบ่งพื้นที่คงเหลือ จากการใช้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยออกเป็น 5 แปลง พื้นที่แปลงละ 11,200 ตารางเมตร เพื่อออกประกาศเชิญชวน จำนวน 4 แปลง และกันไว้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง 1 แปลง โดยจะกำหนดราคาค่าเช่าตามระเบียบต่อไป

ส่วนระยะยาวการพัฒนาพื้นที่นาทาเพื่อเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้า (เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในอนาคต) พัฒนาพื้นที่ย่านสถานีรถไฟนาทา จ.หนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งจากจีน-ลาว และส่งออกไปยัง สปป.ลาว ปัจจุบัน รฟท. อนุมัติให้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาโครงการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งทางราง จ.หนองคาย โดยคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในปี 65