นายเอกกมล คีรีวัฒน์ อดีตเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พ.ศ. 2535-2538 เปิดเผยในงานเสวนาก้าวต่อไปของตลาดทุนไทยในทศวรรษหน้าว่า เราไม่สามารถทราบได้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร แต่ตลาดทุนเชื่อว่าอยู่ที่กฎเกณฑ์ วิธีการ และการดำเนินงาน ซึ่งตลอด 30 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนามาอย่างดีตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีการควบคุมกฎเกณฑ์และดูแลกำกับบริษัทจดทะเบียน เช่นเดียวกับตลาดตราสารหนี้ แต่เมื่อล่าสุดเมื่อมีตลาดดิจิทัลขึ้นมาการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ จึงไม่เหมือนเดิมและเป็นความท้าทายของ ก.ล.ต.หลังจากนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจคือ หากมีกฎเกณฑ์ก็จะไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
สำหรับกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแลด้านนี้เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เหมือนกฎเกณฑ์เดิม เพราะเราควบคุมต้นน้ำไม่ได้ จึงต้องมีการกำกับดูแลผ่านผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง เช่น ศูนย์ซื้อขาย ขณะที่การกำกับดูแลในแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกันบางประเทศก็ไม่ยอมรับ บางประเทศก็จัดสินทรัพย์ดิจิทัลให้อยู่ในตลาดสินทรัพย์ทางเลือก บางประเทศธนาคารกลางต้องดูแล ดังนั้น จึงเป็นความท้าทายที่สำคัญ แต่ผมเชื่อว่า หากวางกฎเกณฑ์กำกับดูแลที่ดีก็จะสามารถก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา เลขาธิการ ก.ล.ต. (พ.ศ. 2538-2542) กล่าวว่า มองใน 8-10 ปีข้างหน้าดิจิทัลเทคโนโลยีจะมีบทบาทมากขึ้นในสังคมไทยและมีผลต่อการพัฒนาตลาดทุนหลายด้าน 1.การวิเคราะห์แนวโน้มตลาดจะซับซ้อนและรวดเร็ว บรรยากาศการแข่งขันเปลี่ยนไปจากปัจจุบัน มาเป็นการแข่งขันเชิงพัฒนาเทคโนโลยี 2.ความจำเป็นในการมีตัวกลางและผู้ทำหน้าที่ต่างๆ เช่น นักวิเคราะห์การเงิน การลงทุนต่างๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงไป เพราะเทคโนโลยีจะมาทำหน้าที่แทนคน ทำให้บทบาทของคนที่ทำหน้าที่เหล่านี้ต้องเปลี่ยนไปกลายเป็นผ็ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 3.การทำธุรกรรมทางการเงินที่ลดบาทบาทตัวกลางลงและเปลี่ยนรูปแบบสู่ดิจิทัลเคอเรนซี่
สำหรับสิ่งที่อยากเห็นหลังจากนี้ คือ 1.อยากให้ ก.ล.ต.เพิ่มคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน เช่น กระตุ้นให้เข้าเป็นแนวร่วมต่อต้านคอรัปชั่นของภาคเอกชนไทย สร้างการรับรู้ ต่อต้านการทุจริต ทุกระดับ ทุกวงการ ที่เป็นปัญหาของไทยในสายตาชาวโลก 2.ส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนยึดหลักอีเอสจีหรือความยั่งยืนเพื่อยกระดับคุณภาพสู่สากล 3.เพิ่มเติมบริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าของธุรกิจให้แข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและระดับโลก 4.ส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หลากหลายนอกเหนือจากกู้ยืมในสถาบันการเงินรวมไปถึงความสามารถออกหุ้นกู้ และ5.ส่งเสริมให้ความรู้การบริหารเงินส่วนบุคคล ให้นักลงทุนรู้จักประเมินความเสี่ยง
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตเลขาธิการ ก.ล.ต. (พ.ศ. 2542-2546) กล่าวว่า ในทศวรรษหน้า ตลาดทุนไทยจะมีบทบาทมากขึ้นในระบบการเงินและการจัดสรรทรัพยากรทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนและทั่วถึงทุกภาคส่วน…แรงผลักดันเรื่องความยั่งยืนจากหลายภาคส่วนในตลาดทุน เช่น บริษัทจดทะเบียน ตัวกลางทางการเงิน นักลงทุนสถาบัน คนรุ่นใหม่ ภาคนโยบาย รัฐบาล และความร่วมมือระหว่างประเทศ จะเป็น market force ที่ขับเคลื่อนให้ตลาดทุนพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตเลขาธิการ ก.ล.ต. (พ.ศ. 2546-2554) กล่าวว่า ในปัจจุบันโลกมีความท้าทายจากเศรษฐกิจดิจิทัล 3 ด้าน ประกอบด้วยความพยายามของประเทศฝั่งตะวันออกที่จะเป็นอิสระจากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จีนจะเข้ามามีบทบาทในการค้าโลก ซึ่งจะทำให้ไทยอาจต้องพัฒนาระบบเพื่อรองรับดิจิทัลหยวน และการพัฒนาดิจิทัลเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นความท้าทายของหน่วยงานกำกับดูแลที่จะเข้ามามีบทบาทในการวางแผนและบริหารจัดการ รวมทั้งวางแผนรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต และสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลที่จะทำให้เกิดสมดุลระหว่างการพัฒนาเพื่อทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเก็งกำไร
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ อดีตเลขาธิการ ก.ล.ต. (พ.ศ. 2554-2558) กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้มีส่วนผลักดันในการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ภารกิจที่ ก.ล.ต. ต้องทำต่อไป คือ ต้องเป็นองค์กรที่พึ่งพาได้ฝากอนาคตได้ในทุกภาคส่วน เป็นหุ้นส่วน (visionary and strategic partners) ในการทำงานด้วยกันร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน รวมถึงต้องสนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีความรู้ทางด้านการเงินและการลงทุนเพื่อให้สามารถคุ้มครองตัวเองได้ รวมถึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. (พ.ศ. 2558-2562) กล่าวว่า “การพัฒนาตลาดทุนไทยในช่วงทศวรรษหน้าจะมีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนจึงต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ว่าจะ ก.ล.ต. เอง ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลและส่งผ่านนโยบายที่สำคัญ ตัวกลางซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการและคำแนะนำแก่ลูกค้า แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คงเป็นการเตรียมตัวของนักลงทุนซึ่งจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องสินค้าที่จะนำเงินไปลงทุน รวมทั้งความเสี่ยงที่จะตามมาด้วย
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีพิเศษอย่างยิ่งที่ ก.ล.ต. ได้ดำเนินการมาครบ 30 ปีโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อดีตเลขาธิการ ก.ล.ต. ทั้ง 6 ท่าน ได้นำพา ก.ล.ต. ก้าวผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงความท้าทายจากภายในประเทศและต่างประเทศมาได้ และในวันนี้ทุกท่านได้ร่วมให้มุมมองและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ ก.ล.ต. และการพัฒนาตลาดทุนไทย ภายใต้บริบท VUCA World Digital Disruption และโลกการเงินในอนาคต ซึ่ง ก.ล.ต. จะนำมุมมองและข้อเสนอแนะ ประกอบกับแนวนโยบายที่ได้รับจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในตลาดทุน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ไปเป็นพลังสำคัญในการร่วมพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความยั่งยืน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป เพราะตลาดทุนไทยเป็นของพวกเราทุกคน”