เมื่อวันที่ 8 ต.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์น้ำทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด รวมถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้มีน้ำหลากจากทางตอนเหนือไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งล่าสุด สถานการณ์ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ +17.64 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับเก็บกัก 1.14 (+16.50 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง)

ทั้งนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของบานระบายน้ำและตัวเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ +17.60 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งจะส่งผลทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตรามากกว่า 2,900-3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. รวมทั้งกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้คาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุน ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ จ.สมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติด้วย โดยระดับน้ำจะมีความสูงประมาณ 1.90-2.20 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ในช่วงวันที่ 8-13 ต.ค. 2565

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่อาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่บริเวณพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท, อ.อินทร์บุรี อ.เมืองสิงห์บุรี และ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี, อ.ป่าโมก และ อ.ไชโย คลองโผงเผง จ.อ่างทอง, คลองบางบาล อ.เสนา และ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.10-0.15 เมตร รวมทั้งบริเวณตั้งแต่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.ปทุมธานี, จ.นนทบุรี, กรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรปราการ ซึ่งระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 0.15-0.30 เมตร จึงขอให้จังหวัดในพื้นที่ดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารข้อมูลสถานการณ์น้ำและการพยากรณ์อากาศ ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ThaiWater และการแจ้งเตือนภัยพิบัติล่วงหน้าผ่านแอพไลน์ LINE ALERT เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากหน่วยงานผู้เกี่ยวข้อง นำไปสู่การเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ต่างๆ สำหรับการคาดการณ์สภาพอากาศในช่วง 8-10 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า จะยังมีฝนตกต่อเนื่องในทุกๆ ภาค และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.ปริมณฑล และภาคใต้ ยังต้องเฝ้าระวัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้

ส่วนช่วงวันที่ 11-17 ต.ค. คาดว่าจะมีฝนลดน้อยลง โดยเฉพาะทางตอนบนของประเทศ อากาศเย็นลง ฝนยังมีเกิดขึ้นได้ในบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม. และปริมณฑล ส่วนภาคใต้จะเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เนื่องจากจะมีมวลอากาศเย็น (ความกดอากาศสูง) แผ่ลงมาปกคลุมทางภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ลมเริ่มเปลี่ยนทิศทางเป็นลมตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น อากาศจะเริ่มเย็นลง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทั้งนี้ยังต้องติดตามหย่อมความกดอากาศต่ำทางด้านตะวันออกของประเทศเวียดนาม ช่วงวันที่ 12-16 ต.ค. ซึ่งอาจจะทำให้มีฝนเกิดขึ้นทางภาคอีสานได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลนำเข้าใหม่ และขอเน้นย้ำว่า ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศร้ายแรงเกิดขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศเตือนอย่างเป็นทางการ ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน.