เมื่อวันที่ 9 ต.ค. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ลงพื้นที่บริเวณแนวคันกั้นน้ำขาดและเสียหาย ที่บริเวณวัดประสาท อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พร้อมกับ นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี และหัวหน้าส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง โดยนายชัยวุฒิ ได้ให้กำลังใจ พร้อมพูคคุยกับประชาชน ผู้ประสบภัยขณะที่จังหวัดสิงห์บุรี ได้นำอาหารแห้งจากผู้มีจิตศรัทธามามอบให้ผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 2,000 ครอบครัวด้วย 

โดยนายชัยวุฒิ กล่าวว่า สิ่งสำคัญตอนนี้เราเน้นจะดูเรื่องอาหารการกินมีการตั้งโรงครัวพระราชทานให้ถุงยังชีพน้ำดื่ม สะอาด แล้วก็ดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  ส่วนผู้สูงอายุ คนป่วยติดเตียงที่มีสุขภาพไม่ดี ก็จะนำมาพักอยู่ที่โรงพยาบาล อําเภอพรหมบุรี ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงขณะนี้ เราเตรียมศูนย์พักพิงไว้ทุกๆอําเภอเพื่อ รองรับผู้ประสบภัย ที่น้ำท่วมหนัก นอกจากนี้ก็มีการจัดตั้ง สุขาชั่วคราวในทุกๆจุดที่ประชาชนบ้านถูกน้ำท่วมด้วย ทั้งนี้ ในภาพรวมถือว่าสิงห์บุรี และจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ได้มีการวางแผนมาอย่างดี                             

นายชัยวุฒิ ยังระบุด้วยว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงและเป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือเรื่องการระบายน้ำ เพราะว่าวันนี้ปริมาณน้ำที่มี ถ้าดูจากระดับความสูง ก็เท่าๆกับประมาณปี 2554 ปริมาณฝนที่ตกจริงๆทั้งประเทศก็ใกล้เคียงกับปี 54 สิ่งที่เรากลัวคือ ถ้าน้ำมันล้นจากระบบชลประทานป้องกันน้ำท่วมมันก็จะเกิดความเสียหาย ปริมาณน้ำที่มากจะกระจาย ความแรงของน้ำ จะทำให้เกิดความเสียหายในพื้นที่วงกว้าง ซึ่งรัฐบาลได้วางแผนไว้แล้ว มีนโยบายให้เราปล่อยน้ําลงทุ่งเพื่อหน่วงน้ำ ลดปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่เจ้าพระยา ซึ่งก็ดําเนินการไปบางส่วนแล้ว

นายชัยวุฒิ กล่าวยอมรับว่า บางจุดที่ จ.สิงห์บุรี น้ำก็ยังไม่ได้ออกไปตามระบบมากเท่าที่ควร ทำให้คันกั้นน้ำต่างๆล้นไปท่วมบ้านเรือนประชาชน และคันกันน้ำหลายจุดก็กําลังจะพังแล้ว ดังนั้น ถ้าเราไม่มีการบริหารจัดการน้ำ ปล่อยน้ำออกไปบ้าง ตนเชื่อว่าเดี๋ยวคันกั้นน้ำจะขาด คลองชลประทานขาด ก็จะคุมมวลน้ำมหาศาลไม่ได้เลย จะเสียหายหนักทั่งพื้นที่เศรษฐกิจและเกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม จะติดตามกับทางชลประทานว่าได้มีการระบายน้ำอย่างไร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ก็คือการเอาน้ำลงทุ่ง 11 ทุ่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กําหนดไปแล้ว.