เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ต.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดเสวนาพิเศษเพื่อ “ถอดบทเรียน กราดยิงหนองบัวลำภู ร่วมหาทางออกด้วยกัน” เพื่อหามาตรการสกัดกั้นเหตุร้ายไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในอนาคตได้

โดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า สภาพปัญหายาเสพติดในปัจจบัน ว่า สภาพปัญหายาเสพติดของประเทศไทยในปัจจุบันมีผู้ติดยาและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ประมาณ 3,000,000 คน ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการป้องกันและฟื้นฟูกว่า 1 แสนล้านบาท หากนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาประเทศด้านอื่นประเทศก็จะสามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้ ทั้งนี้ 80% จากทุกคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้น มาจากยาเสพติดทั้งสิ้น โดยปัจจุบันมีแนวโน้มเด็กและเยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้น ปัญหายาเสพติดจึงเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศและ กทม. ก็เป็นแหล่งจำหน่ายยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุด ส่วนพื้นที่รอบ กทม.เป็นแหล่งที่ใช้พักยาเสพติด โดยวิธีการแก้ปัญหา คือ จะทำให้ยาเสพติดลดลงต้องทำให้ผู้ผลิตยาลดลง

นอกจากนี้ ด้านโครงสร้างการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มองว่าเป็นเรื่องที่อ่อนแอ ไม่มีความเอาจริงเอาจัง โดยความจริงแล้วปัญหายาเสพติดไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจอย่างเดียว เพราะตำรวจถือเป็นปลายทางในการที่จะดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ยาเสพติด ดังนั้น ปัญหาโครงสร้างในการป้องกันยาเสพติดจึงเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทั้งนี้ ปัญหาต่อไปที่จะเกิดขึ้นคือ เรื่องกัญชา ที่จะทำให้สังคมเสียหายมากขึ้น และองค์กรที่เกี่ยวข้องมักทำงานกันแบบผักชีโรยหน้า อีกทั้งกฎหมายยังไปเอื้อให้ผู้ติดยาเสพติดมากขึ้น

“ขณะที่มีความกังวลถึงสถิติการครอบครองอาวุธปืนในประเทศไทยนั้นเป็นอันดับ 13 ของโลก และ กว่า 40% เป็นปืนเถื่อน ซึ่งต้องถอดบทเรียน จากกรณีนี้ให้ได้ว่า สาเหตุเกิดจากอะไรไม่ใช่จบไปเพียงเพราะผู้ก่อเหตุเสียชีวิต การจะลดปัญหาความรุนแรงได้ต้องยึดอาวุธปืนอย่างกรณีนี้ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้วต้องยึดปืนคืน และต่อไปต้องมีการออกระเบียบว่าผู้ที่จะขออนุญาตมีอาวุธปืนต้องมีพฤติกรรมอย่างไร และมีการตรวจสอบประวัติก่อน เพื่อควบคุมอาวุธปืนเพราะหากควบคุมได้ความรุนแรงก็จะเกิดขึ้นน้อยลง”พล.ต.ต.วิชัย กล่าว

นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เสนอแนวคิดทุกคนสามารถเป็นบุคลากรทางสุขภาพจิตได้ เพียงแค่เริ่มสนใจคนที่อยู่ข้างๆ รับฟังให้คุณค่าในเรื่องราวที่เขาทุกข์ใจ เพราะหลายครั้งที่ความรุนแรงขนาดใหญ่ลักษณะนี้เกิดจากความรุนแรงในลักษณะเล็กๆ มาก่อน ความเครียดหรือโศกเศร้าไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเราทุกคนมีหัวใจและมีความรู้สึกสิ่งที่ต้องทำหากรับไม่ไหว ให้ออกจากสถานการณ์นั้น และสิ่งที่อันตรายมากที่สุดสำหรับการดูเรื่องความรุนแรงคือ การเคยชินกับความรุนแรง ดังนั้นสื่ออย่าเสนอเพียงแค่ภาพความรุนแรง แต่ควรเสนอองค์ความรู้ด้วย เพราะหากเสนอแต่ความรุนแรงสุดท้ายคนจะเฉยชากับความรุนแรง กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในสังคม

น.ส.วทันยา บุนนาค สมาชิกพรรค ปชป. มองว่า การเสนอเพิ่มบทลงโทษ ความรุนแรงทางกฎหมายไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะอยู่ที่คนบังคับใช้กฎหมาย แต่อาจต้องกลับมาคิดใหม่ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และใกล้ตัวทุกขณะ เราจะตั้งรับกับปัญหาอย่างไร ขอเชิญชวนภาคสังคมให้ “Active Citizen” ไม่เพิกเฉย หรือมองข้าม ละเลยคนในชุมชน โดยเริ่มได้ที่ตัวเรา เริ่มได้ที่ครอบครัวเรา ซึ่งสามารถเริ่มได้เลย ไม่ต้องรอการปฏิรูปโครงสร้าง

“ดิฉันขอเรียกร้องไปถึงสื่อมวลชน ในการนำเสนอข่าวอาชญากรรม ที่นำพามาซึ่งเรตติ้ง ตนเข้าใจในฐานะคนที่เคยทำสื่อมาก่อน แต่เรื่องนี้เป็นเหรียญสองด้าน อยากให้มองว่าเรากำลังหล่อหลอมภาพความรุนแรง ให้กับสังคมหรือไม่ ดิฉันขอรณรงค์ บริษัทห้างร้าน ที่ใช้งบกับสื่อ CSR ขอให้ช่วยพิจารณาถึงคอนเทนท์ ช่วยลดทอน ปัญหาความรุนแรง ที่ กำลังเสพติดในสังคม” น.ส.วทันยา กล่าว

ด้าย น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกต อาชีพตำรวจมีความเครียดสูง ในระยะที่ผ่านมามีการฆ่าตัวตายจากโรคซึมเศร้าหรือโรคทางจิต และมีโอกาสทำร้ายผู้อื่นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยทางจิตที่ก่อเหตุอาชญากรรมแม้มีจำนวนไม่มากไม่ถึง 3% แต่เพียงแค่ 1 คน สามารถก่อเหตุและสร้างความเสียหายได้มากกว่า 30 ชีวิต หากทราบก่อนว่าเป็นผู้ป่วยและได้เข้าสู่กระบวนการรักษา จะช่วยลดการก่อเหตุได้ ส่วนเรื่องการครองครองอาวุธปืน ควรให้จัดส่งผลตรวจสุขภาพจิตทุกปีสำหรับผู้ที่มีอาวุธปืนในครอบครอง.