นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ตนพร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัด ทล. ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมในโครงข่ายทางหลวง พร้อมติดตามการบริหารจัดการด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์และสิงห์บุรี เมื่อวันที่ 15-16 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามนโยบายรัฐบาลและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้เร่งแก้ไขสถานการณ์ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมบนทางหลวงในพื้นที่ 2 จังหวัด จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ทล.311 ตอนควบคุม 0201 แยกวัดสนามไชย-วัดกระดังงา กม.33+022-35+100 (บริเวณสี่แยกศาลหลักเมือง ) จ.สิงห์บุรี, ทล.3319 ตอน โกรกพระ-เนินกว้าว กม.0+000-2+000 และ ทล.3005 ตอนนครสวรรค์-โกรกพระ กม.4+500 (ทางลอดทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ด้านตะวันตก) จ.นครสวรรค์

พบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รองรับน้ำเหนือหลากมาตามทุ่งนาและไม่สามารถไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ เพราะแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง จึงล้นเข้าท่วมโครงข่ายทางหลวง รวมทั้งบริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน ส่งผลให้ผู้ใช้ทางไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1.ให้เจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรหนัก ดำเนินการทำคันกั้นน้ำเป็นช่วง ๆ และสูบน้ำออก เพื่อให้ระดับน้ำลดลง และสามารถเปิดการจราจรได้ 2.สนับสนุนเครื่องจักรหนักและวัสดุกากยางมะตอย เพื่อทำแนวกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยบริหารจัดการอย่างบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่

และ 3.กำชับทุกหน่วยงานในสังกัด จัดบุคลากร เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อซ่อมแซมเส้นทางและติดตั้งป้ายเตือน พร้อมอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย รวมถึงการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมเส้นทางจราจรตลอด 24 ชั่วโมง

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะดำเนินการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้ทางอย่างใกล้ชิด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ หากประชาชนผู้ใช้ทางพบเห็นสถานการณ์น้ำท่วมทางหลวง ถนนหรือสะพานชำรุด สามารถแจ้งได้ที่ สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง ทั่วประเทศ หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรี 24 ชั่วโมง)