เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ต.ค. คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ประกอบด้วยนายพิชัย นริพทะพันธุ์
รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่-รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์
ส.ส.มหาสารคาม และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขาธิการ และกรรมการคณะยุทธศาสตร์และการเมือง
“ประยุทธ์” สร้างปัญหาหาต่อ ก่อปัญหาใหม่
นายพิชัยกล่าวว่า ตามที่มีการกระจายคลิปของ “โน้ส” อุตม แต้พานิช วิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่ล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนเป็นกระแสฮือฮาทั่วโซเชียล และเป็นแนวทางเดียวกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด เคยแถลงความล้มเหลว 10 ข้อไว้แล้ว ทั้งการเป็นรัฐบาลที่พึ่งไม่ได้ การกู้หนี้จากหลายชาติ ชาตินี้ใช้หนี้ไม่หมด แกล้งโกรธเพื่อกลบปัญหา โปร่งใสแต่ห้ามตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ ที่ปัญหาต่างๆ จะเพิ่มขึ้นใหม่และประดังเข้ามาอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องเงินเฟ้อของไทยที่ยังสูงอยู่ที่ 6.41% ในเดือน ก.ย. การขาดดุลการค้าและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด การขาดดุลการคลังจำนวนมากที่จะมีแผนกู้ใหม่ถึง 1.05 ล้านล้านบาทในปี 66 ปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นปัญหาใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่รู้เลยว่าจะรับมืออย่างไรหรือพึ่งไม่ได้จริงตามที่ โน้ส อุดม บอกไว้
ล่าสุดอัตราเงินเฟ้องของสหรัฐเดือน ก.ย. อยู่ที่ 8.2% ซึ่งยังสูงมาก ทั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว 3 ครั้งแต่เงินเฟ้อของยังไม่ลดลงเลย ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในครั้งหน้า น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% และอาจจะขึ้นถึง 2 ครั้งเลยก่อนสิ้นปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัผมในสิ้นปีนี้อาจจะสูงถึง 4.50% และอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีหน้าด้วย
ทั้งนี้การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะผลกระทบต่อไทยค่อนข้างมาก ซึ่งกดดันให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม แม้อาจจะไม่ขึ้นสูงเท่าแต่ก็คงต้องขึ้น เพิ่อไม่ให้ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐต่างกันมาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อให้มากขึ้น อีกทั้งป้องกันไม่ให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไหลออก โดยในเดือน ก.ย. ลดลงถึง 14,017 ล้านดอลลาร์ ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไทยลดลงมาเหลือ 199,444 ล้านดอลลาร์ หลุดจาก 2 แสนล้านดอลลาร์แล้ว เป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี คิดเป็นการลดลง 18.9% จากปลายเดือนปีที่แล้ว หากยังลดลงอย่างรวดเร็วอีก ก็น่าเป็นห่วงเพราะระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่สะสมมาตั้งแต่หลายรัฐบาลเป็นจุดแข็งของไทยจุดเดียวที่ยังมีอยู่ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ระมัดระวัง เพราะอาจจะเป็นปัญหาหนักได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลอ้างว่ามีนิตยสารจัดไทยอันดับ 5 ของเอเชีย ก็อยากให้รัฐบาลและ ธปท. ได้ฟังคำแนะนำของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดย Corinne Delechat หัวหน้าแผนกของเอเชีย แปซิฟิก ของไอเอ็มเอฟ และเป็นหัวหน้าภารกิจในประเทศไทย ที่กล่าวเหมือนกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เคยเตือนไว้แล้วหลายครั้ง โดยเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาตลอดจากปัจจัยความเสื่อมถอยหลายด้าน ดังนั้นการที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยจะต้องปรับเปลี่ยนหลายด้านพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะการลงทุนทางด้านดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวของกับภูมิอากาศและการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้เกาะกระแสการขยายตัวของการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลและการปรับเปลี่ยนด้านสีเขียวหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เร่งพัฒนาในการเป็นศูนย์กลางการค้าและศูนย์กลางการเงินของภูมิภาคจะขยายฐานเศรษฐกิจของไทยให้ทีการค้าการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับปัญหาของเศรษฐกิจโลกได้ ดังนั้นจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฟังมุมมองจากไอเอ็มเอฟที่บอกเหมือนคณะทำงานพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้วบ้าง จะได้เลิกอคติคิดว่าเป็นการโจมตี
นายพิชัย กล่าวต่อไปว่า ผู้นำที่ดีต้องเปิดใจรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกด้าน เพื่อนำมาพิจารณาปรับปรุงการทำงาน แม้กระทั่งเสียงจาก โน้ส อุดม ที่นำเรื่องจริงมาทำเป็นเรื่องตลก สะท้อนผู้นำ ซึ่งในต่างประเทศก็ทำกันเสมอ เพราะเป็นการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของคนส่วนใหญ่ ถึงขนาดเป็นกระแสกระหึ่มโซเชียลขนาดนี้ ถ้ายังปิดหูปิดตา ส่งลิ่วล้อมาโต้แบบมั่วๆ ก็ควรจะต้องดีดตัวออกจากเครื่องบินที่บรรทุกคนไทยทั้งประเทศกันได้แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่พ้นที่จะ “สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่” ให้คนไทยลำบากกันต่อไป

เชื่อมไทยเชื่อมโลกนำไทยกลับมาเป็นศูนย์กลางการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยว
ทางด้าน นายจักรพล แถลงว่า จากการที่เข้าประชุมเวทีประชุมสุดยอดประธานรัฐสภาของกลุ่ม G20 ทำให้ตนได้เห็นโอกาสในการพัฒนานโยบายและมาตรการระหว่างประเทศเพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะเห็นโอกาสและคว้าไว้หรือไม่? โดยการประชุมดังกล่าว จะเน้น 3 สาระหลัก คือ 1.การสร้างเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงินของโลก 2.การเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างทางการเงิน และ 3.การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ทั้งชั้นนำและเศรษฐกิจเขตใหม่ และมีประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งหมด 4 หัวห้อ ได้แก่ 1.เร่งการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเศรษฐกิจสีเขียว BCG 2.ภาวะการขาดแคลนอาหารและพลังงาน 3.การสร้างรัฐสภาที่มีประสิทธิภาพและประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง 4.พลังทางสังคม โดยเฉพาะความเท่าเทียมทางเพศและพลังผู้หญิง ตนในฐานะตัวแทนประเทศไทยได้เข้าไปเสนอไอเดียต่างๆ เช่น Climate change การบ่งชี้ถึงวิกฤติความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ความเท่าเทียมทางเพศ ความเข้มแข็งของระบบสภาบนพื้นฐานของประชาธิปไตย พลังของคนเยาวชนคนรุ่นใหม่
ในอดีตสมัยพรรคไทยรักไทยได้นำนโยบายระหว่างประเทสมาใช้และทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น โดยผลการดำเนินงานในสมัยแรกมีการขยายตัวสูงสุดของจีดีพี อยู่ที่ 6.9% มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 23% เนื่องมาจากการเจรจาเปิดการค้าเสรีกับหลายประเทศ หนี้สาธารณะลดลงเหลือร้อยละ 47.8 ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยง่าย และนโยบายการต่างประเทศที่มีนัยยะสำคัญในการพัฒนาประเทศ ภายใต้แนวคิด “เชื่อมไทย เชื่อมโลก” ไม่ว่าจะเป็น การทำนโยบายต่างประเทศเชิงรุก ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) กรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) และยังมีกรอบพหุภาคีอื่นๆ อีกมากมาย และตนเชื่อว่าหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง บรรยากาศของความรุ่งเรืองของประเทศไทยจะกลับมาอย่างแน่นอน
“จากการเข้าร่วมประชุมที่ผ่านมา เห็นได้ว่ารัฐบาลยังขาดวิสัยทัศน์และความสามารถในการนำพาประเทศไทยไปสู่เวทีโลก แม้ว่ารัฐบาลได้มีการนำแนวคิดและหลักการของกระแสโลกมาใช้ แต่หารู้ไม่ว่าไม่มีความรู้และประสิทธิภาพเพียงพอในการบริหารประเทศ อยู่มาแล้ว 8 ปี แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับสวนทางกลับระยะเวลาที่ตนเองบริหาร ดังนั้นเพื่อไทยจึงขอเสนอตนเองสำหรับการพัฒนาประเทศอีกครั้ง และจะนำแนวคิด เชื่อมไทย เชื่อมโลก นำไทยกลับมาเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวเพื่อคุณภาพชีวิตประชาชนที่ดีขึ้นและเพื่ออนาคตที่สดใสของคนรุ่นถัดไป” นายจักรพล กล่าว

จี้นายกฯ ตู่ เร่งช่วยประชาชนถูกน้ำท่วม
ขณะที่ นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทยเป็นปัญหาที่สาคัญที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไข ปัจจุบันได้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมหลายจังหวัด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก รัฐบาลจึงควรเร่งช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาให้กับประชาชนโดยเร่งด่วน ทั้งการช่วยเหลือโดยเร่งด่วนในเบื้องต้น การช่วยเหลือหลังน้ำลด สิ่งไหนที่ก่อให้เกิดประโยชน์และผลดีช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที สามารถยกเว้นระเบียบทางราชการได้ก็อยากให้รัฐบาลเร่งทำทันที โดยที่ไม่หวังผลในทางการทุจริตมากกว่าการช่วยเหลือประชาชน เพราะในบางเรื่อง ถ้ารอปฏิบัติตามระเบียบราชการมากเกินไป ก็จะไม่ทันท่วงทีในการแก้ไขปัญหาช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อน
ทั้งนี้ ในการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 54 อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ชดเชยน้ำท่วมบ้านพักอาศัย และทรัพย์สินหลังละ 5,000 บาท ทรัพย์สินเครื่องมือประกอบอาชีพ ครอบครัวละไม่เกิน 10,000 บาท ไร่นาเกษตรกร ปลูกข้าวไร่ละ 2,222 บาท แต่ในปี 64 รัฐบาลชุดปัจจุบันเยียวยาข้าวไร่ละ 1,340 บาท จึงอยากให้รัฐบาลได้พิจารณาเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ โดยคำนึงถึงภาวะทางเศรษฐกิจ และต้นทุนในปัจจุบัน การพัฒนาหลังน้ำลด รัฐบาลควรเร่งพัฒนาซ่อมแซมปรับปรุงถนนหนทางและคันคลอง หรือเครื่องมือต่างๆ ที่ชำรุดจากปัญหาอุทกภัยในครังนี้ โดยเฉพาะประตูระบายน้ำโดยเร่งด่วน เพราะหากมัวรองบประมาณประจำปีก็ไม่ทันต่อการแก้ไขปัญหาดังเช่นปัจจุบัน เช่น จ.มหาสารคาม เมื่อปีที่ 64 เกิดปัญหาอุทกภัย หลังน้ำลดได้ทำเรื่องขอรับการสนับสนุนงบประมาณในเรื่องการปรับปรุงซ่อมแซมสถานีสูบน้ำ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน ทำให้ปัญหาน้ำท่วมในครั้งนี้เครื่องมืออุปกรณ์ไม่มีความพร้อมในการระบายน้ำ และอีกหลายปัญหา
โครงการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมปี 64 ส่วนใหญ่ไม่ได้รับงบประมาณมาดำเนินการแก้ไข ทำให้ปัจจุบันมหาสารคาม เกิดปัญหาน้ำท่วมหนักและขยายวงกว้างเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาและป้องกันน้ำท่วมให้เป็นระบบโดยเฉพาะ จังหวัดที่อยู่ตามลุ่มสายทางน้ำหลักๆ ที่ประสบปัญหาเดิมๆ แบบนี้ทุกปี พร้อมกับใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่ามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
แนะ “ประยุทธ์” ประกาศให้ชัดตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร
ส่วนนายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณี นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ และกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กระตุ้นให้ พล.อ.ประยุทธ์ รีบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร. หากไม่ลงมือทำ พรรค พปชร. อาจล่มสลายเหมือนพรรคทหารในอดีต ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจดีใจจนทำตัวไม่ถูกหลังรอดพ้นจากปมเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี ช่วงเวลาที่สามารถเป็นนายกฯ ได้ถึงปี 68 จะไม่มีความหมายเลย ถ้าประชาชนไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน โอกาสล่มสลายซ้ำรอยพรรคทหารเฉพาะกิจในอดีตสูง 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มองประชาชนเป็นพลทหารในค่ายที่พร้อมสั่งซ้ายหันขวาหันตามอำเภอใจหรือไม่
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจบริบทประชาชน ในที่สุดก็ไม่สามารถออกนโยบายที่โดนใจประชาชน การทำนโยบายจึงไม่สอดรับกับสภาพปัญหาที่แท้จริงของประเทศ ถ้าไม่นับสารพัดโฆษกที่ออกมาอวย ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 รัฐบาลทำอะไรบ้าง นอกจากการบริหารงานที่สับสน ออกมาตรการที่ผิดพลาดล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถุงมือยางหาย หน้ากากอนามัยล่องหน วัคซีนล่าช้าไม่เพียงพอกับความต้องการ ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก พล.อ.ประยุทธ์ โทษเรื่องบาปบุญ โชคชะตา อยู่ที่น้ำท่วมต้องทำใจ โดยไม่สนใจผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เสียหายหนักทุกปี ปล่อยประชาชนจมน้ำทุกปี แต่ละปีท่วมครั้งละหลายเดือน นาข้าว พืชผลการเกษตรที่เสียหายจมน้ำ รัฐบาลจะเยียวยาให้ครอบคลุมอย่างไร ถ้าไปต่อไม่ไหว ก็เร่งประกาศให้ชัดหลังยุบสภาจะตัดสินใจวางมือทางการเมือง
“8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้เงินเกือบ 30 ล้านล้านบาท แต่ไม่มีนโยบายอะไรที่สำเร็จเป็นมรรคเป็นผล เศรษฐกิจวิกฤติหนัก หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยหรือ” นายอนุสรณ์ กล่าว