เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม ประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,124 คน ระหว่างวันที่ 8-13 ส.ค. เรื่อง “มองมุมบวก เสริมพลังประชาชน” พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.7 พบเห็นคนไทยและทุกภาคส่วนช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.6 พบเห็นคนไทยยังมีความรักความสามัคคี ไม่ต้องการความรุนแรง แต่ต้องการให้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดูแลกัน ยามที่คนไทยทั้งประเทศกำลังเป็นทุกข์

นายนพดล กล่าวอีกว่า ที่น่าพิจารณาคือ ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.3 และร้อยละ 80.2 ระบุ ภาคประชาชนและสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นภาคส่วนสำคัญช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งทุนทรัพย์ เครื่องมือแพทย์ ชุดป้องกันโควิด ชุดตรวจโควิด และช่วยเหลือลดความทุกข์ยาก บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ขณะที่ต่างชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และอื่น ๆ ร้อยละ 54.8 ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ เจ้าสัว นายทุน ร้อยละ 51.3 และที่น่าห่วงคือ ภาครัฐ ราชการที่เดินไม่เต็มสูบ จึงสอบตก ได้เพียงร้อยละ 45.4 และ ภาคการเมือง ที่ได้ต่ำสุดคือร้อยละ 34.9 ตามลำดับ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ทั้งนี้ที่น่าเป็นห่วง เมื่อถามถึงความกังวลใจ ของประชาชนต่อเรื่องสำคัญยามวิกฤตโควิด พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.2 กังวลต่อ มาตรการรัฐที่ควบคุมกิจกรรมการทำมาหากินของประชาชนกระทบต่อเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ขณะที่ร้อยละ 84.9 กังวลต่อ นักการเมืองและขบวนการต่างชาติ ฉกฉวยโอกาส ซ้ำเติมวิกฤตความทุกข์ยากของประชาชนคนไทย ทำลายความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ สร้างความขัดแย้ง ความเกลียดชัง ให้คนในชาติเผชิญหน้ากัน และร้อยละ 81.0 กังวล ม็อบหัวรุนแรง ทำลายเศรษฐกิจ ซ้ำเติมความทุกข์ยาก ปัญหาปากท้องของประชาชน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.1 ยังเชื่อมั่นว่า ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน คนละไม้คนละมือ ความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติจะช่วยผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้ ในขณะที่ร้อยละ 9.9 ไม่เชื่อมั่น

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวอีกว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ในสถานการณ์วิกฤติโรคระบาดและการขัดแย้งทางความคิดที่ชักนำสู่ความรุนแรงปัจจุบัน การเผชิญกับปัญหาสังคม ภาพรวมประชาชนยังเห็นพลังบวกของความร่วมมือกันของสังคมไทย โดยเฉพาะสถาบันกษัตริย์และภาคประชาชน ยังสนับสนุนเกื้อกูลกันในหลายมิติที่ประชาชนพอใจระดับสูงมาก ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อมั่นระดับสูงมาก ถึงความรักความสามัคคีของสังคมไทยและเห็นทางออก

นายนพดล กล่าวว่า นอกจากนี้ทางแก้คือ การลดความกังวลเสริมความเชื่อมั่นของประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ต้องปรับเปลี่ยนไปพร้อมกัน โดยเฉพาะการเปลี่ยนมาตรการควบคุมของรัฐที่เน้นปิดกิจกรรมธุรกิจการค้าการขายมาเป็นการควบคุมพฤติกรรมแพร่เชื้อโควิดที่เข้มข้น และการนำที่เข้มแข็งของผู้นำประเทศและทุกระดับที่สำคัญคือกลไกรัฐที่เดินไม่เต็มสูบ “ต้องเปลี่ยนหัวหน้าหน่วยงาน” ภาคการเมืองที่รู้กาลเทศะและสร้างสรรค์กว่าที่เป็นอยู่ ภาคธุรกิจที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือเจือจุนประชาชนมากขึ้น ภาคประชาชนที่ต้องตระหนักรู้เท่าทันและติดตามข่าวสารข้อเท็จจริง และภาคสื่อมวลชนที่ต้องเน้นจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างสูงในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน เพื่อมิให้เกิดปัจจัยแทรกซ้อนและที่สำคัญต้องไม่ทำร้ายกันเอง จนโครงสร้างประเทศล่มสลาย.