เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประกัสร์ ผบ.ตร.มีหนังสือวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด่วนที่สุด ถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า และ ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. ใจความว่า ด้วยปัญหายาเสพติดที่กำลังแพร่ระบาด คุกคามและบ่อนทำลายประเทศชาติ เป็นต้นเหตุสำคัญประการหนึ่งของความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น อาชญากรรมและภัยคุกคามจากยาเสพติดมักมีความรุนแรง ประกอบกับปัจจุบันมีเหตุการณ์ก่ออาชญากรรมที่มีการใช้อาวุธปืนอยู่บ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และความหวาดกลัวภัยของประชาชนมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อสังคมและความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยรวม
เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ มีผลกระทบต่อประชาชน โดยบัญชาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ ตร. เร่งรัดปราบปรามความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน ให้บังเกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้แก่ประชาชน จึงให้ทุกหน่วยดำเนินการตามมาตรการ ของ ตร. ที่เคยสั่งการไว้โดยเคร่งครัดและกำชับการปฏิบัติ ดังนี้
1.ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สินแบบบูรณาการทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด และดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วย
การป้องกันและปราบปรามการพอกเงินฯ ต่อผู้กระทำผิดทุกระดับ ให้ดำเนินการเชิงรุก ลดการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการแก้ปัญหาทั้งมิติในด้านการป้องกัน การจับกุมการบำบัด โดยเฉหาะในชุมชนสถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ
ให้ ผบช., ผบก. ขับเคลื่อนการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดด้วยตนเอง ให้มีแผนการสุ่มตรวจสถานบริการ สถานประกอบการตามวงรอบ และมีแผนการปิดล้อมตรวจคันชุมชนแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และให้ดำเนินการตามโครงการตำรวจสีขาว โดยการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของข้าราชการตำรวจในสังกัด โดยหากตรวจพบว่าข้าราชการตำรวจนายใดมีสารเสพติดในร่างกาย
ผู้บังคับบัญชาจะต้องดำเนินการทางวินัยและปกครองขั้นเด็ดขาด และหากพบว่าผู้บังคับบัญชามีการปล่อยปละ ละเลยให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจะถูกดำเนินการทางวินัยเช่นกัน ,ร่วมกับภาคีเครือข่ายค้นหาผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตในพื้นที่ จัดทำฐานข้อมูล เพื่อพิจารณาจัดลำดับความรุนแรงของอาการ เพื่อนำเข้าบำบัดรักษาโดยเร็ว ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 และค้นหาและนำผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำปัดรักษาโดยสมัครใจ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 114 และบันทึกข้อมูลในระบบชักถามข้อมูลยาเสพติดทุกราย
(https://www.nsbqdrugs.com/form.pdf ให้รายงานผลการปฏิบัติ ภายในวันที่ 10 พ.ย.65 ในการปฏิบัติงานให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ ภายใต้กรอบของกฎหมายโดยเคร่งครัด และด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระตับ ติตตาม ตรวจสอบ และควบคุมความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาค หากพบการกระทำความผิดจะต้องดำเนินการทางอาญา ทางวินัย และทางปกครองอย่างเฉียบขาดทุกราย
2.ความผิดเกี่ยวกับอาวุธป็น อาวุธสงคราม การป้องกัน ตรวจสอบข้อมูลประวัติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนโดยปรับปรุง การบันทึกข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
วัยรุ่น กลุ่มเสี่ยง เด็กแว้นแข่งรถจักรยานยนต์ ที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอวุธปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน หรือกลุ่มวัยรุ่น นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ทำตัวเป็นเจ้าถิ่น จับกลุ่มมั่วสุมในที่สาธารณะ มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ บุคคลที่พกพาอาวุธปินติตตามผู้มีอิทธิพส ผู้กว้างชวางในพื้นที่ บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปิน แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อยหรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก กลุ่มบุคคลหรือบุคคลผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้ โดยการข่มขู่และหรือมีพฤติกรรมข่มขู่ หรือใช้ความรุนแรง บุคคลพันโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปินหรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิด บุคคลที่ มีพฤติกรรมหรือลักลอบผลิต จำหน่ายหรือขายอาวุธปืน
โดยเปิดเผยทางอินเตอร์เน็ต (online) และในทางลับ และให้หน่วยเฉพาะทาง เช่น บช.สอท. บช.ก. รวมถึงศปอส. ในทุกระดับ ดำเนินการสืบสวนปราบปรามให้ได้ผล บุคคล กลุ่มบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิด ทั้งนี้ หากพบว่าเข้าลักษณะบุคคลตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปิ่น พ.ศ.2490 ให้แจ้งนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้จัดทำฐานข้อมูลอาวุธปิน เครื่องกระสุนปืน (เฉพาะอาวุธปืนถูกกฎหมาย) ให้เป็นปัจจุบัน โดยให้เป็นหน้าที่ของ หน.สน., สภ. ประสานกับฝ่ายปกครองเพื่อพิสูจน์ทราบจำนวนอาวุธปืน ผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปินตลอดจนรายละเอียดขนาด, ชนิดของอาวุธปืน
สำหรับสถานีตำรวจที่มีร้านจำหน่ายอาวุธป็นในพื้นที่ให้ดำเนินการตรวจสอบยอดจำนวนการนำเข้า ขาย คงเหลือของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนให้ถูกต้องตรงกับบัญชี พร้อมขอความร่วมมือให้จำหน่ายกระสุนปืนกับผู้ที่มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน (ป.4 ) มาแสดง และต้องเป็นกระสุนปืนตามขนาดที่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเท่านั้น หากตรวจสอบพฤติการณ์การกระทำผิด พฤติการณ์ในทางที่ไม่ดีของบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุปืน (ป.ส) หรือมีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจในคุณสมบัติของผู้ได้รับอนุญาตตามมาตรา 3 แ แห่ง พ.ร.บ.อาวุปืนฯ ให้รายงานนายทะเบียนอาวุปืนทราบเพื่อพิจารณาเรียกประกันหรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป สืบสวนหาข่าวติดตามพฤติการณ์ ความเคลื่อนไหว และจัดทำฐานข้อมูลบุคคลและสถานที่ เป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะแหล่งผลิตซุกช่อน จำหน่าย ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมาย ในการปิตล้อมตรวจค้นในช่วงระดมให้ชัดเจน กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบอาวุธปืน คงคลังของทางราชการ และควบคุมการเบิกจ่ายอาวุธปืนของทางราชการทุกประเภทให้เป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ 32 (เดิม) อาวุธและกระสุนปืนของกรมตำรวจ ข้อ 3 และระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 35 (เดิม) บทที่ 8 คำแนะนำในการรักษาคลังและให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นกำชับการปฏิบัติดูแลรักษาอาวุธปืนของทางราชการตามหนังสือตร. ที่ 0008.421/ว 44 ลง 30 ก.ย.59 เรื่อง กำชับการปฏิบัติและกำหนดมาตรการในการควบคุมและการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนของทางราชการ โดยให้ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
กรณีข้าราชการตำรวจที่มีอาวุธป็นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ให้ตรวจสอบสถานภาพอาวุธปืนที่ตัวเองมีชื่อครอบครองทั้งหมดว่ายังอยู่ครบถ้วน สูญหาย ชำรุด หรือมีการจำหน่ายไปแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีการจำหน่ายให้ตรวจสอบผู้ซื้อด้วยว่ได้รับใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3 ) จากนายทะเบียนท้องที่ถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ให้หารือนายทะเบียนท้องที่และปฏิบัติให้ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวซ้องการปราบปรามให้สืบสวนปราบปราม ตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมายแหล่งอบายมุข แหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น นักเลงอันธพาลสถานบริการ และเพิ่มมาตรการกดดันบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่คุ้มครองดูแลสถานบริการ สถานบันเทึง โดยเน้นการครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธที่ผิดกฎหมาย มิได้รับอนุญาต กำหนดจุดตรวจ จุดสกัต และตั้งด่านตรวจค้นบนเส้นทางหลัก เส้นทางรองเส้นทางล่อแหลม เส้นทางคนร้าย เพื่อตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ อาวุธทุกชนิดที่อาจนำไปใช้ในการกระทำ ความผิด รวมถึงการครอบครองและพกพาอาวุธโดยมีได้รับอนุญาต
ทั้งนี้การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และด่านตรวจดังกล่าวให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ ตร. กำหนดสกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ การสุ่มตรวจค้นบุคคลหรือสัมภาระที่ต้องสงสัยในการกระทำความผิดที่มากับรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถไฟ รถโดยสารประจำทาง ไม่ประจำทาง หรือสัมภาระที่ไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของและสกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นำเข้าและส่งออก อาวุธผิดกฎหมายตามแนวชายแดน สน., สภ. ที่มีที่ทำการไปรษณีย์หรือบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนในพื้นที่ ให้ประสาน ขอความร่วมมือเพื่อสุมตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยที่ส่งทางไปรษณีย์หรือบริษัทนส่งพัสดุเอกชน ตลอดจนให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูลกรณีตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยที่อาจเป็นสิ่งของผิดกฎหมายเพื่อร่วมกันตรวจสอบโดยละเอียดจากเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ ให้ บช.ก. เป็นหน่วยรับผิดชอบหลักและดำเนินการกรณีมีหลักฐานการเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ การดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลที่มีมือปืน ให้ความคุ้มครองต้องสืบสวนเชิงลึกเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมชัดเจนเพื่อพิสูจน์ความผิดให้ศาลพิพากษาลงโหษได้และการซื้อขายอาวุธทางสื่อออนไลน์ ซึ่งต้องใช้ผู้มีความรู้ทางเทคนิคความเชี่ยวชาญเฉพาะทางดำเนินการให้ได้ผล
3.การดำเนินการตามข้อ 1 และ 2 ให้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชนผู้นำชุมชน สมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม ในการแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 หรือทางสายด่วน 1599 เพื่อตรวจสอบดำเนินการ โดยขอเน้นย้ำในการรักษาความลับและความปลอดภัยของผู้แจ้งเหตุหรือเบาะแสรวมถึงให้ดำเนินการขอเบิกจ่ายสินบนเงินรางวัลนำจับให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
4.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบคุม กำกับดูแล การปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธีตำรวจและคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงาน ป้องกันปราบปราม(Standard Operating Procedure : SOP) ควบคู่ไปกับมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเคร่งครัด
5.ให้ทุกหน่วยประสานและสนับสนุนการปฏิบัติซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด กรณีที่มีการจับกุมรายสำคัญ มีของกลางเป็นจำนวนมาก หรือเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ให้จัดแถลงข่าวในพื้นที่ทันที โดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
6.กรณีที่มีเหตุสำคัญเร่งด่วนให้ใช้ช่องทาง ศปก.ของหน่วย รายงานให้ ศปก.ตร. ทราบเพื่อรายงาน ผบ.ตร. จตช. รองผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบ และ ผอ.ศปอส.ตร. (กรณีเหตุสำคัญเร่งด่วนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงครามที่กระทำความผิดผ่านระบบออนไลน์และโซเชียลมีเดียต่างๆ) ผอ.ศอ.ปส.ตร. (กรณีเหตุสำคัญเร่งด่วนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด) เพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด