เมื่อวันที่ 30 ต.ค. พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมชาย วงศ์พูนสุข รอง ผกก.สส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ควบคุมตัว นายวศิลป์ สิงหะภูกาม หรือ ต๊าป อายุ 27 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าอุทยานพระเจ้าตากสิน ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าพัทยา ม.4 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ น.ส.ปุกทอง กุทอง อายุ 55 ปี สาวพิการขายลอตเตอรี่ผู้เสียหาย

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ทางตำรวจรับแจ้งเหตุ คนพิการถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ ที่บริเวณหน้าอุทยานพระเจ้าตากสิน ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าพัทยา หลังรับแจ้งจึงนำกำลังชุดสืบสวนรีบนำกำลังไปตรวจสอบ โดยจุดเกิดเหตุพบผู้เสียหายอยู่ในอาการตกใจ หวาดผวา นั่งอยู่บนรถเข็นวิลแชร์ พร้อมกอดแผงลอตเตอรี่แนบกายแน่น ให้การอ้างว่ากำลังเข็นวิลแชร์ไปขายลอตเตอรี่ จู่ ๆ ก็มีคนร้ายเป็นชายไทย รูปร่างอ้วนท่วม สวมเสื้อคอกลม สีเทา นุ่งกางเกงขาสั้น สีดำ ใส่หมวกกันน็อค ขี่จยย.ย้อนศรขึ้นมา โดยใช้กระดาษปิดอำพรางแผ่นป้ายทะเบียน ก่อนจะวนรถกลับมาทำทีขอเลือกซื้อลอตเตอรี่ มูลค่ากว่า 5,000 บาท

โดยคนร้ายออกอุบายว่า “ให้จอดรอก่อนเดี๋ยวกลับมาเอา” จากนั้นไม่นานก็ขี่จยย.เข้ามาประกบด้านข้าง พร้อมกับชักอาวุธมีดขึ้นมาข่มขู่ จากนั้นก็กระชากเอาโทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสะพาย ภายในมีเงินสด ประมาณ 4,000 บาท สร้อยสามกษัตริย์ พร้อมพระเลี่ยมทอง ที่บูชาไว้ติดตัวเพื่อเสริมดวงเรื่องโชคลาภในการค้าขาย หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นตนพยายามยื้อแย่งแล้วแต่สู้แรงไม่ไหว ประกอบกับเกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงจำใจยอมให้เอาทรัพย์สินไป

หลังเกิดเหตุตำรวจฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี พร้อมสอบปากคำพยานแวดล้อม เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย จนกระทั่งพบว่า คนร้ายหลบหนีเข้าไปในห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 8 ต.บางละมุง จึงนำกำลังเข้าไปจับกุมไว้ได้ในที่สุด จากการตรวจค้นพบเสื้อผ้าที่สวมใส่วันเกิดเหตุ ส่วนกระเป๋าของกลางได้นำไปทิ้งในป่าใกล้บ้าน โดยรับสารภาพว่า สาเหตุที่ลงมือก่อเหตุเนื่องจากต้องการหาเงินไปเล่นพนันออนไลน์

ทั้งนี้ หลังจากนายวศิลป์ ถูกจับกุมได้แล้ว เจ้าหน้าที่พาตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ โดยมีผู้เสียหายอยู่ด้วย ฝ่ายนายวศิลป์ ได้รู้สึกสำนึกผิดที่ลงมือก่อเหตุกับคนพิการไม่มีทางสู้ จึงได้ก้มกราบเท้าผู้เสียหาย พร้อมกับกล่าวขอโทษในการทำกระทำดังกล่าว ซึ่งทางผู้เสียหายได้อโหสิกรรมให้ แต่เรื่องคดีความต้องว่าไปตามกฎหมาย ตำรวจจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.