เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณากรณีคำร้องว่า พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 3 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 และมาตรา 34 หรือไม่ สืบเนื่องจากศาลอาญาส่งคำโต้แย่งของ นายภาณุพงศ์ จาดนอก กับพวกรวม 3 คน ซึ่งเป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ 2384/2564 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทย์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน ในฐานความผิดร่วมกันบุกรุก ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ ให้ของโสโครก เปรอะเปื้อนฯ ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548, ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะฯ ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ โดยระหว่างการพิจารณาคดีอาญา จำเลยทั้ง 3 โต้แย้งว่า พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 3 บทนิยาทคำว่า “โฆษณา” เป็นบทบัญญัติที่ล้าสมัย จำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และปัจจุบันมีพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะไว้เป็นการเฉพาะแล้ว

ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า บทบัญญัติตามความในมาตรา 3 ความหมายของคำว่า “โฆษณา” ไม่ใช่หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวิธีโฆษณาที่กฎหมายกำหนดห้ามกระทำ บทนิยามตามมาตรา 3 จึงไม่ใช่บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดี คำร้องดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัย จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย.