เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้มีการพิจารณากระทู้สดของ นายอำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. เรื่องการควบคุมอาวุธปืน ถามนายกรัฐมนตรี ว่าในปี 65 มีการใช้อาวุธปืนทำให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก หลายครั้งหลายเหตุการณ์ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง คนที่คิดทำรุนแรงถ้าไม่มีอาวุธก็ไม่รุนแรงหรือเสียหาย แต่ถ้ามีอาวุธจะก่อเกิดความเสียหายร้ายแรง เพราะฉะนั้นอาวุธปืนถือว่ามีความสำคัญ จากสถิติการเสียชีวิตด้วยการใช้อาวุธปืนของไทยค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ และในอาเซียน จึงอยากถามว่ารัฐบาลมีข้อมูลในการครอบครองอาวุธปืนของประชาชน เจ้าน้าที่ของรัฐหรือไม่ อย่างไร มีมาตรการในการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่และประชาชนอย่างไร รวมทั้งมาตรการการค้าอาวุธปืนในตลาดมืด การค้าออนไลน์อย่างไร และรัฐบาลจะมีหลักประกันใดว่าจะมีไม่มีการใช้อาวุธปืนทำร้ายเหมือนเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างที่ผ่านมา

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ว่าที่ผ่านมามีการใช้อาวุธปืนทำการก่อเหตุจำนวนมาก แต่ฝ่ายปกครองดูเหมือนจะมีมาตรการควบคุมอาวุธปืนนั้น ตามกฎหมายต้องทำเรื่องขอซื้อกับเจ้าหน้าที่นายทะเบียน ซึ่งจะถูกตรวจสอบคุณสมบัติผู้ครอบครองว่ามีความครบถ้วนหรือไม่ เช่น ไม่ต้องโทษจำคุกตามกฎหมายอาญา เป็นบุคคลบรรลุนิติภาวะ ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ ไม่มีการประพฤติชั่วร้ายแรง อย่างไรก็ดีตนมีแนวคิดที่จะปฏิบัติให้รัดกุมมากขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น ต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ใช่คนที่มีสติฟั่นเฟือน นอกจากนั้นอาจต้องมีการรับรองพฤติกรรมโดยบุคคล เช่น นายจ้าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บังคับบัญชา ต้องมีการตรวจสอบเป็นระยะๆ เช่น 3-5 ปี เพราะคนที่ขออนุญาตซื้อและใช้อาวุธปืนนั้น นานวันอาจจะเปลี่ยนไป เพราะยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด อบายมุข ดื่มสุรา ขาดสติ ดังนั้นการขออนุญาตครั้งเดียวพิสูจน์ไม่ได้ จึงต้องมีการรับรองโดยบุคคล

ทั้งนี้ จากสถิติการก่อเหตุอาชญากรรมจากอาวุธปืนปี 65 พบว่าเป็นปืนที่ไม่จดทะเบียนถึง 98.53% ดังนั้นต้องเร่งแก้ปัญหาปืนเถื่อน อาทิ ปืนไทยประดิษฐ์ ปืนดัดแปลง ที่ถูกนำไปก่ออาชญากรรมมาก พุ่งเป้าการแก้ปัญหา ด้วยการนำปืนเถื่อนให้เข้าระบบ อาจจะออกกฎหมายให้นำมาคืน เหมือนที่เคยปฏิบัติ เช่น ให้นำมาคืนโดยไม่มีความผิด หากสามารถจดทะเบียนได้ จะอนุญาตให้ขึ้น ขณะเดียวกันต้องปรับปรุงบทลงโทษ ส่วนการตรวจสอบการขายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์ ตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ หากไม่มีใบอนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) อยู่ระหว่างการดำเนินการ
“ถ้าไม่มีโทษที่แรงพอ คนจะไม่ให้ความสำคัญ ต้องแรงกว่านี้ ปัจจุบันมีโทษปรับ 2,000-20,000 บาท จำคุก 1-10 ปี ดังนั้นต้องเพิ่มโทษให้แรงเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้าเพราะเป็นคดีอาญาลงโทษรุนแรง ส่วนคนที่พกปืนไปในสถานที่ต่างๆ นั้น ตามกฎหมายต้องได้รับอนุญาต ซึ่งการจะให้ใบพกไปสถานที่ต่างๆ นั้นยากมากและให้ปีต่อปี หากพกโดยไม่ได้รับอนุญาต ง่ายๆคือเจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้มงวดดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ผมยืนยันได้ว่า ข้าราชการทหาร ตำรวจ บุคคลทั่วไป พกถ้วนหน้ากัน คำถามที่ว่าจะทำอย่างไรกับคนที่พกปืนไปโดยไม่ขออนุญาต เจ้าหน้าที่ต้องไปจับไปกุม แค่นั้นผมขอตอบง่ายๆ” รมว.มหาดไทย กล่าว.