เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ผลการประชุมวิปรัฐบาล ว่า วิปรัฐบาลมีมติเห็นชอบกรอบระยะเวลาการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือน พ.ย. โดยในสัปดาห์นี้จะประชุมในวันที่ 9 พ.ย. และวันที่ 10 พ.ย. ขณะที่สัปดาห์หน้า จะหยุดประชุมทั้งสัปดาห์ เนื่องจากมีการประชุมเอเปค และจะประชุมในครั้งต่อไปในวันที่ 23 พ.ย. วันที่ 24 พ.ย. และวันที่ 25 พ.ย. จะเป็นการประชุมวาระพิเศษ และสัปดาห์สุดท้ายของเดือนในวันที่ 29 พ.ย. และวันที่ 30 พ.ย. ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ธ.ค. จะมีการประชุมสภาโดยนำวาระกฎหมายเข้าพิจารณา 

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า มีความเป็นห่วงว่าหากมีการประชุมวาระพิเศษจะทำให้องค์ประชุมไม่ครบองค์หรือไม่นั้น เรื่องนี้รัฐบาลได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน โดยทุกพรรคการเมืองเห็นว่า เนื่องจากว่า วาระเรื่องรายงานมีกรรมาธิการมีความจำเป็นที่จะต้องผ่านความเห็นชอบของสภา เพื่อส่งข้อสังเกตไปยังรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและประโยชน์ของประชาชน จึงขอความร่วมมือให้ร่วมประชุมในวาระพิเศษในวันศุกร์ และคาดว่าจะมีวาระการประชุมพิเศษไม่เกิน 5 ครั้ง จะครบสมัยประชุมพอดี

นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า วิปรัฐบาลเห็นชอบให้มีการเลื่อนระเบียบวาระที่เกี่ยวข้องกับพระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ รวมถึงร่างพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. ….. หลังจากนั้นจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเข้าชื่อเพื่อเสนอถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. …. ถ้าหากมีเวลาจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. …. จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อพิจารณาสัปดาห์ต่อจากการประชุมเอเปค อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมวิปรัฐบาลขอความร่วมมือทุกภาคให้การประชุมสภาในสัปดาห์นี้ เป็นไปอย่างเรียบร้อย 

“เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง มีการแก้ไขเพิ่มเติมในหลายมาตรา จาก 45 มาตรา เป็น 95 มาตรา ซึ่งผู้ที่สงวนความเห็นและแปรญัตติ สามารถแสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ในสภา ส่วนจะมีมติออกมาอย่างไร จะต้องฟังเหตุผลจากกรรมาธิการเมียงข้างมาก และเสียงข้างน้อย ส่วนวิปรัฐบาลมีมติเช่นเดิม คือเห็นด้วยกับ กมธ. เสียงข้างมาก” นายชินวรณ์ กล่าว

นายชินวรณ์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย มีวิวาทะในเรื่องนี้กันบ่อย จะทำให้กลายเป็นความขัดแย้งในรัฐบาลหรือไม่นั้น ในส่วนของงานนิติบัญญัติ เราควรร่วมมือกันทุกพรรคเพื่อตรวจสอบกฎหมายทุกฉบับให้ผ่านสภาอย่างเรียบร้อยและสมบูรณ์ ถ้าไม่มีการช่วยกันพิจารณา เมื่อส่งไปยังวุฒิสภาอาจจะมีการแก้ไขบ้าง และท้ายที่สุดก็จะไม่ผ่าน ทั้งนี้เรื่องกัญชา กัญชง ส่วนตัวเห็นว่าทุกพรรค จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ ไม่เอาเรื่องนโยบายของพรรค หรือผลประโยชน์ทางการเมืองมาเป็นตัวตั้ง แต่ยึดหลักพิจารณากฎหมายให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในระยะยาวเป็นตัวตั้ง ฉะนั้นในเรื่องนี้ทุกฝ่ายจะต้องเคารพมติของสภาออกมาเป็นเช่นไรก็ออกมาเป็นเช่นนั้น ย้ำว่าไม่ได้ยึดความเห็นต่างมาเป็นความขัดแย้ง และเชื่อมั่นว่าฝ่ายบริหารสามารถร่วมมือกันในการทำงานในช่วงสุดท้ายให้กับประชาชน

นายชินวรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มองเรื่องนี้อย่างไร ว่าประชาชนจะดูที่นโยบายและอุดมการณ์ของพรรคมากกว่า โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ และตนอย่างเชื่อมั่นว่า คนใต้ตัดสินใจในทางการเมืองยึดถือหลักอุดมการณ์และนโยบาย ตนจึงเปรียบเทียบว่า พรรคที่มีนโยบายต่อเนื่องชัดเจนเหมือนยางพารา ที่ตั้งขึ้นมาใหม่เหมือนบอนสี อาจจะดังเป็นครั้งคราวไปตามบุคคลที่เป็นแกนนำพรรค ซึ่งในมีความคิดเห็นของตนที่เคยพูดไว้นานแล้วว่า อยากให้กำลังใจนายกฯ อยากให้เป็นรัฐบุรุษ.