เมื่อวันที่ 9 พ.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long Acting Antibody : LAAB) ว่า ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขนำ LAAB หรือชื่อการค้า Evusheld มาฉีดเพื่อป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อในกลุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำและร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วยวัคซีนจำนวนกว่า 6,300 ราย พบว่ามีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ส่วนการใช้เพื่อการรักษาผู้ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางที่เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต พบว่า การให้เพื่อการรักษาภายใน 5-7 วัน หลังมีอาการ สามารถลดการเกิดโรครุนแรงหรือเสียชีวิตได้ 50-67% และสูงถึง 88% ถ้าได้เร็วรับภายใน 3 วันหลังเริ่มมีอาการ จึงเป็นข้อสนับสนุนในการนำภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปมาใช้เพื่อการรักษาอีกทางหนึ่ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตรียมสรุปข้อบ่งใช้ลงในแนวทางเวชปฏิบัติฉบับใหม่เร็วๆ นี้

วันนี้ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กรมควบคุมโรค ได้หารือถึงการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 และ LAAB หลังปรับลดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยมีแนวทางในการเบิกและจัดส่ง ดังนี้ 1.กรมควบคุมโรคสำรวจความต้องการวัคซีนโควิด-19 และ LAAB (รอบปกติ) เดือนละ 1 ครั้ง ทุกวันที่ 20 ของเดือน โดยเป็นการเบิกล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน และให้จังหวัดรายงานความต้องการผ่านกองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

2.กรมควบคุมโรคจัดส่งวัคซีนโควิด-19 และ LAAB รอบปกติ ภายในวันสุดท้ายของเดือนถัดไป 3.จังหวัดสำรองวัคซีนและ LAAB ที่มีอายุยาวอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไป เพื่อป้องกันการหมดอายุ เนื่องจากหลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องจัดจ้างส่งวัคซีนตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2560 ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการจัดส่งเพิ่มขึ้น และ 4.การขอรับสนับสนุนวัคซีน และ LAAB เพิ่มเติม (นอกรอบปกติ) กรณีเร่งด่วน ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทำหนังสือถึงกรมควบคุมโรค ระบุชนิดและจำนวน รวมถึงวันเวลาที่ต้องการรับ และมารับที่คลังวัคซีนกรมควบคุมโรคโดยตรง ส่วนกรณีที่มีวัคซีนสำรองอยู่ในจังหวัดหรือเขตสุขภาพ สามารถบริหารจัดการเกลี่ยวัคซีนที่มีอยู่ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งหากเป็น LAAB จะใช้เวลาเตรียมการจัดส่งประมาณ 5 วัน.