จากกรณีเงินจากบัญชีออมทรัพย์และบัญชีกระแสรายวัน ซึ่งเป็นบัญชีเก็บเงินรายได้ของเทศบาลนครอุบลราชธานี เงินได้หายไปร่วม 58 ล้านบาท โดยมีการโอนออกจากบัญชีเป็นสินค้าและบริการผ่านบริษัทขายสินค้าออนไลน์แห่งหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจได้เรียกสอบเจ้าหน้าที่ส่วนการคลัง กว่า 12 ปาก รวมทั้ง ผอ.ส่วนคลังเทศบาลนครอุบลราชธานี พร้อมทำการอายัดคอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง ไปทำการตรวจสอบนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายอาทิตย์ คูณผล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานี ที่รับผิดชอบส่วนคลัง ได้รับมอบหมายจาก น.ส.พิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานี กล่าวว่า ขณะนี้คงยังต้องรอการสอบสวนของตำรวจ และผลการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือที่ตำรวจยึดส่งตรวจ คาดว่าไม่เกินอาทิตย์นี้จะทราบผล ในส่วนเทศบาลนครอุบลราชธานี ได้ตั้งกรรมการขึ้นมา 1 ชุดตรวจสอบ และสอบสวน ซึ่งตอนนี้จะระบุว่า เป็นที่ระบบ หรือบุคคล ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องตรวจสอบทั้งบุคคล ระบบ กระบวนการปฏิบัติราชการ ทั้งนี้ในส่วนเทศบาล ได้ดำเนินการครบตามกระบวนการ

นายอาทิตย์ กล่าวว่า เทศบาลนครอุบลราชธานีโดยนางพิศทยา ได้สั่งบุคลากรส่วนคลัง ห้ามลา ห้ามขาด รวมทั้งการโยกย้ายรับโอนระงับทั้งหมด นอกจากมีความจำเป็นจริงๆ จึงจะอนุญาตลาได้ นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนระบบการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้างพนักงาน สวัสดิการต่างๆ เปลี่ยนมาเป็นการเขียนจ่ายเป็นเช็ค แทนการใช้ระบบ KTB Coperate Online ส่วนเส้นทางการเงินที่มีการจ่ายและเพิ่มจำนวนเพิ่มเป็น 58 ล้านนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ประธานคณะทำงานศึกษาความเสี่ยงการทุจริต กรณีการจ่ายเงินของส่วนราชการผ่านระบบ KTB Coperate Online เข้าพบพนักงานสอบสวน เจ้าของคดี กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการ ป.ป.ท. มาติดตามเรื่องนี้ เพราะ ป.ป.ท. ได้เกาะติดติดตามการทุจริตผ่านระบบ KTB Coperate online มาโดยตลอด มีหลายเคสในรอบปี ความเสียหายเยอะมาก ซึ่งเราทำเรื่องนี้เพื่อการป้องกันและปราบปราม ซึ่ง ป.ป.ท. ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแผนประทุษกรรม ของการทุจริตลักษณะแบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานที่ถูกทุจริตลักษณะนี้ ขณะนี้ ป.ป.ท. พยายามแก้ไขระบบกับทางธนาคารกรุงไทย และกรมบัญชีกลาง ซึ่งใกล้จะเสร็จเรียบร้อย แต่ยังมาเกิดเหตุที่เทศบางนครอุบลราชธานี จึงได้ลงมาเก็บข้อมูลประสานข้อมูล เบื้องต้นเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก จะได้นำข้อมูลกลับเข้าเป็นข้อมูล เพื่อการแก้ไขทั้งระบบ ไม่ให้เกิดการทุจริตลักษณะเช่นนี้อย่างยั่งยืน เป็นการแก้ไขเชิงระบบและต้นเหตุ

เงินเทศบาลนครอุบลฯ หายเพิ่มรวม 58 ล้าน เชื่อ ‘เกลือเป็นหนอน’ สั่งห้ามหยุด-ลาออก…

ส่วนการดำเนินการ ป.ป.ท. พยายามจะสนับสนุนข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจจากที่ได้ศึกษามา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เป็นข้อมูลในการสอบสวนยืนยันตัวตน  ไม่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถยืนยันตัวบุคคลได้ว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง

พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า กรณีนี้สิ่งที่เห็นคือระบบไม่ได้บกพร่องแต่อยู่ที่ตัวบุคคล อยู่ที่การประมาทในเรื่องรหัส ทำให้เกิดความเสียหาย และการทุจริตผ่าน Data ซึ่งปัจจุบันการทุจริตผ่านระบบบิ๊กดาต้า (Big data) หรือผ่านระบบ digital ที่ปัจจุบัน รัฐบาลพยายามให้หน่วยงานรัฐได้เข้าใช้ระบบ Digital ที่เกี่ยวข้องระบบการโอนเงิน หากเราไม่มีการควบคุมกำกับดูแลที่ดี ก็จะเกิดผลเสียหายจำนวนมากอย่างที่เห็น กรณีนี้แสดงว่า เป็นการกระทำของบุคคล และส่วนรับผิดชอบถือรหัส ไม่ดำเนินการเอง ให้คนอื่นถือรหัสแทนหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีใครบ้าง พฤติกรรมเป็นอย่างไร ทำหน้าที่สมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำได้พอสมควร อยู่ระหว่างการรอหลักฐานยืนยันก็น่าจะชี้ชัดได้แล้วว่า มีเจ้าหน้าที่คนไหนเกี่ยวข้อง หรือไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่เป็นคนนอกแฮกข้อมูล

ในขณะที่การสอบสวนวันนี้ พ.ต.ท.รุ่งทวี นาปาน สว.สส.(สอบสวน) เจ้าของคดี ได้เรียกทางหัวหน้าฝ่ายการเงินและบัญชี เทศบาลนครอุบลราชธานี ไปทำการสอบสวน ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง โดยไม่เปิดเผยการสอบสวน