สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่าประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี กล่าวถึงการที่กองทัพตุรกีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายหลายแห่งในภาคเหนือของอิรักและซีเรีย โดยระบุว่าเป็นฐานที่มั่นของกองกำลังชาวเคิร์ด ทั้งพรรคคนงานเคอร์ดิสถาน ( พีเคเค ) และกองกำลังป้องกันตนเองชาวเคิร์ด ( วายพีจี ) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “คือคำเตือน” ว่ากลุ่มคนใดก็ตามซึ่งหวังรุกรานอธิปไตยของตุรกี “ต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม”


ขณะเดียวกัน ผู้นำตุรกีกล่าวถึงการหารือและพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม และกองทัพ เกี่ยวกับการดำเนินการขั้นต่อไป ที่อาจรวมถึงการใช้มาตรการทางทหารภาคพื้นดิน “อย่างจำกัด” ในซีเรีย หลังมีชาวตุรกีอย่างน้อย 2 ราย ในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ เสียชีวิตจากกระสุนปืนครก ซึ่งมีการยิงข้ามพรมแดนมาจากเขตอิทธิพลของกองกำลังเคิร์ดในซีเรีย และยังส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย


ในอีกด้านหนึ่ง นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียดครอบใหม่ตามแนวชายแดนทางเหนือของซีเรีย ซึ่งติดกับภาคใต้ของตุรกี และพื้นที่บางส่วนของอิรัก ว่ารัฐบาลวอชิงตันคัดค้านการดำเนินการทางทหารในรูปแบบใดก็ตาม “ที่เป็นการเคลื่อนไหวโดยปราศจากการเห็นชอบร่วมกัน”


ปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวของกองทัพตุรกี เกิดขึ้นหลังเหตุระเบิดในเขตใจกลางเมืองอิสตันบูล เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 80 คน แม้จนถึงตอนนี้ยังไม่มีบุคคลกลุ่มใดออกมารับสมอ้าง แต่รัฐบาลตุรกี กล่าวว่า พีเคเค และพันธมิตรทั้งหมดอยู่เบื้องหลัง


อนึ่ง พีเคเค ทำสงครามกองโจรกับรัฐบาลอังการา มาตั้งแต่ปี 2527 เพื่อแบ่งแยกดินแดนบางส่วนทางตอนใต้ของตุรกี ไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของการสถาปนารัฐอิสระให้กับชาวเคิร์ด การสู้รบระหว่างทั้งสองฝ่ายตลอดเกือบ 4 ทศวรรษมานี้ คร่าชีวิตทั้งทหารและพลเรือนรวมมากกว่า 40,000 ราย.

เครดิตภาพ : REUTERS