รายงานข่าวจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้ยื่นหนังสือขอเข้าหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประเด็นแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไปเมื่อวันที่ 16 ส.ค. แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งเวลากลับมา

ทั้งนี้ ได้ยื่น 5 ประเด็นในการหารือ ประเด็นแรกการจัดหา และจัดสรรวัคซีน เช่น ขอให้รัฐพิจารณาอนุญาตให้เอกชน เป็นผู้ติดต่อนำเข้าวัคซีนได้ ไม่ต้องผ่านหน่วยงานรัฐ แต่ให้อยู่ในเกณฑ์การดูแลของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งมาตรฐาน และราคาที่เหมาะสม โดยให้ภาครัฐเป็นผู้ออกใบคำสั่งซื้อ และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขณะเดียวกันให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งอนุมัติวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ ไม่ต้องรอให้บริษัทวัคซีนนำเอกสารมายื่น ให้ใช้เกณฑ์ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (ดับบลิวเอชโอ), ขอให้บริหารจัดการแอพพลิเคชั่น จองวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ ควรมีแอพเดียว และต้องไม่มีการยกเลิกหรือเลื่อนนัดหมายประชาชนอีก, ให้ปรับโครงสร้างการทำงานของศูนย์ศบค. ให้มีประสิทธิภาพ, จัดรถโมบาย ยูนิต เคลื่อนที่กระจายการฉีดวัคซีนให้รวดเร็วขึ้น และเร่งการจัดหาวัคซีนที่ใช้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากเริ่มมีการระบาดไปยังเด็กมากขึ้น และแผนการฉีดวัคซีนเข็ม 3 สำหรับบุคคลทั่วไปด้วย

ประเด็นที่ 2 อนุญาตสนับสนุนให้เอกชนดำเนินการผลิต และจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องให้เพียงพอ เพื่อลดอาการรุนแรงและเสียชีวิต ประเด็นที่ 3 สนับสนุนค่าใช้จ่ายชุดตรวจ ราปิด แอนติเจน เทสต์ ที่มีคุณภาพมาตรฐาน และมีปริมาณเพียงพอให้ประชาชนเข้าถึงได้ รวมทั้งการบริหารกำจัดขยะอันตรายให้มีประสิทธิภาพ ประเด็นที่ 4 การจัดการสถานที่กักตัว และคัดแยกผู้ป่วย เช่น ปรับลดเกณฑ์ฮอสพิเทล และเพิ่มโฮเทล ไอโซเลชั่น รองรับกลุ่มสีเขียว เพื่อลดการใช้เตียงในรพ.สนาม สนับสนุนเอกชนทำคอมพานี ไอโซเลชั่น หรือให้ใช้โรงแรมขนาดกลาง และเล็ก โดยให้รัฐสนับสนุนการจ่ายค่าที่พักให้, จัดมาตรฐานและเกณฑ์ แฟคทอรี่ ไอโซเลชั่น ของแต่ละจังหวัด ขอให้เอกชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น เนื่องจากแต่ละจังหวัดมีสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน    

ส่วนประเด็นสุดท้าย แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เช่น ให้กรมสรรพากร ยกเว้นภาษีเอสเอ็มอี ระยะเวลา 3 ปี, เพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันความเสียหายผ่านบรรษัทสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็น 70% ขึ้นไป จากเดิม 40%, ขยายลดภาษีที่ดเน 90% อีก 1 ปี, ลดหย่อนภาษี 2 เท่า สำหรับเอกชน ที่มีค่าใช้จ่ายซื้อชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน และค่าวัคซีนป้องกันโควิด, ขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมโอนอสังหาริมทรัพย์ จาก 2% เหลือ 0.01% จดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% เดิมสิ้นสุดสิ้นปี 64  และเสนอให้เปลี่ยนการคิดค่าธรรมเนียมจากมูลค่า 3 ล้านแรก ให้ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์มูลค่ามากกว่า 3 ล้านบาท เพื่อให้เกิดแรงจูงใจกลุ่มมีกำลังซื้อ ขยายเวลาถึงสิ้นปี 65, ขอให้ผ่อนปรนมาตรการควบคุมสถานประกอบการให้ดำเนินธุรกิจไปได้ เช่น พิจารณาเปิดบางกิจการที่พนักงานได้รับวัคซีนครบแล้ว 2 โด๊ส