นายวาจี๊ด อาห์เหม็ด หุ้นส่วน บริษัท แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จํากัด เปิดเผยว่า แมคคินซี่ ออกรายงานหัวข้อกำหนดอนาคตอุตสาหกรรมธนาคารไทย สร้างเป้าหมายใหม่เพื่อจุดประกายการเติบโต โดยเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของธนาคารไทยที่จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และการเตรียมความพร้อมของธนาคารเพื่อรองรับอนาคต โดยมองจากสัดส่วนมูลค่าตลาดหุ้นของธนาคารไทยในอาเซียน มีมูลค่าตลาดรวมลดลงจาก 16% ในปี 52 เหลือเพียง 9% ในปี 64 ซึ่งทำให้ธนาคารจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ขึ้นมาอยู่ในรายชื่อธนาคารที่มีมูลค่าสูงสุด 15 อันดับแรกในภูมิภาค แทนที่ธนาคารไทยหลายแห่ง
ทั้งนี้ ธนาคารไทยต้องเน้นไปที่ 3 เรื่อง คือ การทบทวนเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารเพื่อให้การสนับสนุนธุรกิจในเศรษฐกิจยุคใหม่, การส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน เพื่อช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนของเอสเอ็มอี โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
“ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ธนาคารไทยจะปรับเปลี่ยนองค์กร ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากรของประเทศ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้”
นายเรนนี่ โทมัส หุ้นส่วนอาวุโส บริษัท แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า หากธนาคารในไทยไม่เริ่มเปลี่ยนแปลงจะเจอความเสี่ยงสูงในอนาคต แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ ก็มีแนวโน้มที่ผลตอบแทนที่ได้กลับมาเช่นเดียวกัน โดยรายงานได้แบ่งออกเป็น 4 ส่วนที่ธนาคารไทยควรเปลี่ยนแปลง คือ ส่วนแรกที่ต้องให้เกิดเศรษฐกิจยุคใหม่ ส่งเสริมการเงินยั่งยืนและเพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินเอสเอ็มอี
ขณะที่ ส่วนที่ 2 สร้างรูปแบบธุรกิจที่มีความคล่องตัวและเฉพาะทาง เป็นการบริหารความมั่งคั่งเฉพาะทางสำหรับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน เชี่ยวชาญด้านบริการสินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อยในยุคดิจิทัล แสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อสร้างธนาคารยุคใหม่ ที่เน้นการสร้างระบบนิเวศ และแพลตฟอร์ม โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
ด้านส่วนที่ 3 พัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าและพนักงานด้วยนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ให้ข้อเสนอและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าในรูปแบบที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน และสร้างมูลค่าให้พนักงานอย่างเหมาะสม และส่วนที่ 4 สร้างความพร้อมและศักยภาพขององค์กรสำหรับอนาคต เร่งนำเทคโนโลยีใหม่มาปรับใช้ เสริมความปลอดภัยในโลกไซเบอร์เพื่อต่อสู้กับด้านมืดของโลกดิจิทัล.