ทีมนักวิทยาศาสตร์ AUG Advances ได้เผยแพร่คลิปจำลองสถานการณ์อุกกาบาตชิกซูลุบ (Chicxulub) พุ่งชนโลกและขอบเขตของผลกระทบต่อโลกเป็นครั้งแรก โดยเน้นประเด็นการก่อให้เกิดคลื่นสึนามิยักษ์ เพื่อคำนวณขอบเขตและระยะทางที่สร้างผลกระทบบนพื้นผิวโลก
จากโมเดลจำลองพบว่า ผลกระทบเมื่ออุกกาบาตชิกซูลุบ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากกว่าในนามของ “อุกกาบาตล้างเผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์” พุ่งใส่โลกนั้น แผ่ขยายออกไปทั่วโลก นอกเหนือจากทำให้สัตว์ต่าง ๆ ในยุคนั้นสูญพันธุ์แล้ว ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอีกหลายประการ
อุกกาบาตยักษ์ชิกซูลุบ ตกใส่ผิวโลกในบริเวณที่ปัจจุบันกลายเป็นอ่าวเม็กซิโก แรงกระทบของมันทรงพลัง จนทำให้พื้นใต้ทะเลหรือก้นมหาสมุทรและเปลือกโลกบางส่วนแตกร้าวเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร นอกจากนี้ มันยังทำให้เกิดคลื่นยักษ์ที่สูงกว่า 4,800 เมตร และยังคงสูงถึง 1,600 เมตร และซัดต่อไปไกลกว่า 209 กม. จากจุดศูนย์กลาง แม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 10 นาที หลังจากที่อุกกาบาตตกกระแทกพื้นโลก
ทีมของ AUG ยังพบหลักฐานจากซากฟอสซิลที่ยืนยันว่า แบบจำลองของพวกเขามีความเป็นไปได้สูง ตัวอย่างหินตะกอนจากบริเวณที่ปัจจุบันคือประเทศนิวซีแลนด์ ได้แสดงให้เห็นชั้นการเกิดตะกอนที่ข้ามขั้น ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ แม้ว่าบางส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุแผ่นดินไหวก่อนหน้านี้ก็ตาม
จากการคำนวณชี้ว่า คลื่นสึนามิที่สูงเพียง 30 ฟุต หรือ 9.14 เมตร ก็สามารถส่งผลกระทบที่รุนแรง และรบกวนสภาพดั้งเดิมของมหาสมุทรได้ลึกลงไปจนถึงก้นมหาสมุทร จึงกลายเป็นว่าตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดว่า อุกกาบาตชิกซูลุบ น่าจะสร้างผลกระทบต่อโลก ทำให้เกิดความปั่นป่วนและรบกวนการเรียงตัวของชั้นตะกอนเดิมได้กว้างไกลมากกว่า 12,000 กม. จากจุดตกของมัน
แหล่งข่าว : nerdist.com
เครดิตภาพ : Pixabay / urikyo33