เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 ส.ค. มวลชนกลุ่มทะลุฟ้า ได้นัดรวมตัวจัดกิจกรรม #ม็อบ17สิงหา ไล่ล่าทรราช โดยนัดเจอกันแยกราชประสงค์ บริเวณทางเท้าด้านหลังป้ายรถประจำทาง ถนนราชดำริ เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมระบุว่า “ปาสีไม่ปาขวด ไม่ได้อยากมีเรื่องกับตำรวจ อยากดวลกับประยุทธ์” และให้พี่น้องประชาชนร่วมกันพกถุงสีมาเท่านั้น
ต่อมาเวลา 16.00 น. แกนนำได้ประกาศให้มวลชนตั้งแถวและคล้องแขนกันเดินขบวนไปยังบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พร้อมถือป้ายผ้าข้อความขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ และภาพการใช้ความรุนแรงของตำรวจในการชุมนุมที่ผ่านมา เมื่อมาถึงแกนนำเริ่มปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และการทำงานของตำรวจควบคุมฝูงชน ขณะที่ กลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มทำลายป้ายผ้าพลาสติกสีฟ้าที่คลุมป้าย ตร.ไว้ออก ก่อนจะขว้างปาถุงสีชมพูใส่ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนเป็นเต็มไปด้วยชมพู โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะ แต่มวลชนยังไม่ยอมถอย และได้บีบแตรรถจยย.เสียงดังไปทั่วบริเวณ ขณะที่บางส่วนมีการขว้างปาประทัดใส่บริเวณด้านหน้าตร.สลับกับการกล่าวปราศรัยโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนพร้อมโล่ ได้ยืนเป็นกำแพงอยู่ด้านหลังแผงรั้วเหล็กที่วางกั้น 2 ชั้น บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าป้องกันมวลชนบุกเข้าไปด้านใน โดยมีรถฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งแถวเดินออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุฟ้าจึงประกาศยุติการชุมนุมในทันที ในเวลา 16.29 น. จากนั้นได้มีการปะทะกัน จนกลุ่มผู้ชุมนุมล่าถอยไปยังแยกราชประสงค์ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแนวเดินกดดันตามไปยังหยุดอยู่ที่หน้ารพ.ตำรวจ
17.00 น. ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก มวลชนได้ทยอยถอยร่นไปรวมตัวกันที่แยกราชประสงค์ แต่ทางตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้มาตั้งแนวเพื่อกดดันมวลชนไม่ให้ก่อความวุ่นวาย บริเวณหน้ารพ.ตำรวจ ก่อนจะขยับไปยังแยกราชประสงค์
เวลา 17.30 น. รถบรรทุก 6 ล้อ ได้เคลื่อนออกมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อไปสมทบกับตำรวจควบคุมฝูงชนที่ตั้งแนวอยู่บริเวณแยกราชประสงค์ จากนั้น ผบ.เหตุการณ์ ได้สั่งเข้าเคลียร์พื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงเคลื่อนตัวมายังถนนราชดำริ ด้านหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นตำรวจ ก็พากับแตกกระเจิงกันออกไป ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมได้ 1 ราย จากนั้นได้ถอยกำลังกลับไป
ช่วงเวลาเดียวกัน ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่งได้ขี่รถจยย.มารวมตัวกัน ก่อนไปเคลื่อนไปประชิดแนวตู้คอนเทนเนอร์ที่ตั้งขวางถนนวิภาวดี เส้นทางมุ่งหน้าไปกรมทหารราบที่ 1 จุดตั้งบ้านพักพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมปาประทัดยักษ์ใส่ ทำให้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ ท่ามกลางที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชุมนุมได้เคลื่อนมาปักหลักบริเวณใต้ทางด่วนแทน นอกจากนี้ยังมีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแถวบริเวณหน้าสำนักงานป.ป.ส. พร้อมรถจีโน่ ได้เคลื่อนกำลังมายังแยกสามเหลี่ยมดินแดง เพื่อเคลียร์พื้นที่ จนผู้ชุมนุมถอยร่นไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้มาการถอยร่นมาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมวลชนได้ร่วมตัวกันเกาะกลาง มุ่งหน้าไปพหลโยธิน ทางกลุ่มมวลชนมีการยั่วยุ ขว้างปาประทัด พลุไฟ ก้อนหิน เศษแก้ว ใส่ตำรวจ เจ้าหน้าที่นำกำลังมาตั้งอยู่บริเวณพื้นผิวถนนอนุสาวรีย์ ทันทีที่มวลชนเห็นก็ได้มีการถอยร่นออกไป ทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้มีการขว้างปาประทัดยักษ์ และพลุไฟใส่เจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ยิงแก๊สน้ำตา ตรึงกำลังอยู่บริเวณนี้ตลอดเวลา พร้อมเสริมกำลังควบคุมฝูงชน และรถน้ำแรงดันสูง 2 คัน เพื่อปิดพื้นที่เส้นทางจราจรทั้ง 4 เส้นทาง ก่อนจะทำการเปิดผิวการจราจร
เวลา 19.00 น. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ฝั่งแยกประชาสงเคราะห์ ยังคงมีมวลจำนวนหนึ่ง ตะโกนท้าทาย และขว้างปาประทัดยักษ์ ใส่แนวเจ้าหน้าที่ที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตาอยู่เป็นระยะเพื่อสกัดมวลชนดังกล่าวไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่ ขณะเดียวกัน ที่บริเวณปากทางลงอุโมงค์ดินแดง ได้มีมวลชนจำนวนหนึ่ง นำพลุไฟยิงใส่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่กำลังยืนตรึงกำลังอยู่บริเวณดังกล่าวตลอดเวลา
เวลา 20.30 น. มวลชนที่ปักหลักบริเวณแยกประชาสงเคราะห์ ยังสู้ไม่ถอย ยิงพลุไฟใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่ยืนประจำการอยู่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ชุดใหญ่จำนวนเกือบสิบลูก ทางฝั่งเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงแก๊สน้ำและกระสุนยางตอบโต้
เวลา 20.40 น. ตำรวจควบคุมฝูงชน ได้วางแนว โดยมีรถจีโน่นำหน้า พร้อมชุดเคลื่อนที่เร็ว เคลื่อนกำลังกระชับพื้นที่ไปบริเวณ ถนนอโศก-ดินแดง ฝั่งมุ่งหน้า แยกประชาสงเคราะห์
เวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวควบคุมฝูงชน ได้เข้ากระชับพื้นที่ตั้งแต่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ไปจนถึงแยกประชาสงเคราะห์ เพื่อผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกนอกพื้นที่ไป และคืนพื้นผิวจราจรกลับมาเป็นปกติ ส่วนมวลชนได้สลายการชุมนุมไป