สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ว่า การตายของไก่, ไก่งวง และสัตว์ปีกชนิดอื่น ๆ แสดงถึงหายนะด้านสุขภาพสัตว์ครั้งเลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ ซึ่งทำลายสถิติเดิมของการระบาดเมื่อปี 2558 ที่มีสัตว์ปีกตายเพราะไข้หวัดนกประมาณ 50.5 ล้านตัว
การสูญเสียฝูงสัตว์ปีกจำนวนมากส่งผลให้ราคาไข่ไก่และเนื้อไก่งวงพุ่งสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเพิ่มความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจให้กับผู้บริโภคที่เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และทำให้การเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามไปด้วย
Avian flu outbreak wipes out 50.54 mln U.S. birds, a record https://t.co/rU0n7ju1fm pic.twitter.com/vGPXjZkwbc
— Reuters (@Reuters) November 25, 2022
ตามข้อมูลของยูเอสดีเอ การระบาดในสหรัฐ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้ฝูงสัตว์ปีกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหารหรือไม่ก็ตาม ติดเชื้อใน 46 รัฐของประเทศ โดยมีนกป่าจำพวกเป็ด เป็นตัวแพร่เชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดก่อโรครุนแรง (เอชพีเอไอ) ผ่านทางอุจจาระ ขนนก หรือการสัมผัสสัตว์ปีกโดยตรง
“นกป่ายังคงแพร่กระจายเชื้อไวรัสเอชพีเอไอไปทั่วประเทศในขณะที่พวกมันอพยพ ดังนั้นแล้ว การป้องกันไม่ให้ฝูงสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้สัมผัสกับนกป่า จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องสัตว์ปีกของสหรัฐ” นางโรสแมรี ซิฟฟอร์ด หัวหน้าเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ของยูเอสดีเอ กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรต่างพยายามป้องกันโรงนาของพวกเขาจากไข้หวัดนกและนกป่า ด้วยการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอกภัยและการทำความสะอาดภายหลังการระบาดเมื่อปี 2558 ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังศึกษาการติดเชื้อในฟาร์มไก่งวงเป็นพิเศษ โดยหวังว่าจะสามารถพัฒนาคำแนะนำใหม่ ในการป้องกันการติดเชื้อได้
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (ซีดีซี) ระบุว่า ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีการอาการป่วยหรือตายแล้วโดยไม่มีการป้องกัน แม้ว่าการระบาดจะมีความเสี่ยงต่ำต่อสาธารณชนทั่วไปก็ตาม.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES