เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วย อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 2/2565 โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้บริหาร ร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

นายวราวุธ กล่าวภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการขอขึ้นทะเบียน เมืองโบราณศรีเทพ และแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน จากนั้นได้พิจารณาเห็นชอบ เสนอให้ “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก (Nomination Dossier) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง มีจำนวน 2 พื้นที่ ประกอบด้วยอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน ครอบคลุมพื้นที่ 3,661 ไร่เศษ ในพื้นที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

นายวราวุธ กล่าวว่า ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเสนอรายงาน ตามมติคณะกรรมการมรดกโลก ถึงความก้าวหน้าการอนุรักษ์พื้นที่ กลุ่มป่าแก่งกระจาน รวมทั้งแหล่งอื่น ๆ ด้วย ให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อยืนยันความทุ่มเท และความจริงใจ ของไทยต่อการดำเนินการปกป้อง คุ้มครองแหล่งมรดกโลกทุกแห่งของประเทศไทย ให้คงคุณค่าตามหลักสากล และเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานคนไทย สืบไป

สำหรับ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มีที่มาจากรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขา และภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ยังมีเสาหิน และเพิงหินขนาดใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วไป เพิงหินเหล่านี้เป็นหินทรายของหมวดหินภูพาน มีอายุอยู่ในสมัยครีเทเชียส ราว 130 ล้านปีมาแล้ว ถูกกระบวนการทางธรรมชาติกัดเซาะ โดยน้ำและลม มาเป็นเวลาหลายล้านปีจึงทำให้สภาพภูมิประเทศแปรเปลี่ยนเป็นเสาหิน และเพิงหินรูปร่างสวยงามแปลกตาเช่นในปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2535 กรมศิลปากร ดำเนินการก่อตั้ง อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทขึ้นเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาในส่วนที่เป็นหลักฐานทางโบราณคดี และโบราณสถานอีกมากมาย ที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของภูพระบาท 

โดยโบราณที่น่าสนใจได้แก่ หอนางอุสา ถือเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มีลักษณะเป็นเพิงหินธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ มีความสูง 10 เมตร รูปร่างคล้ายดอกเห็ด ตั้งอยู่กลางลานหินโล่งกว้างทำให้ดูโดดเด่นกว่าโบราณสถานจุดอื่น ๆ จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบทำให้สันนิษฐานได้ว่า หอนางอุสามีอายุเก่าแก่ถึงสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 12-16 โดยถูกดัดแปลงเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา อีกด้วย.