รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ภาพรวมการก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางสายเหนือ ช่วงลพบุรี- ปากน้ำโพ ระยะทาง 145 กิโลเมตร (กม.) วงเงินก่อสร้าง 2.15 หมื่นล้านบาท มีความคืบหน้าประมาณ 77% โดยสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม ระยะทาง 29 กม. คืบหน้า 80.30% ช้ากว่าแผน 19.70% ส่วนสัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. คืบหน้า 74.82% ล่าช้ากว่าแผน 25.18% ซึ่งขณะนี้ผู้รับจ้างทั้ง 2 สัญญา ได้ขอขยายระยะเวลาการก่อสร้าง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยที่ปรึกษาอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด คาดว่าจะเสนอให้ รฟท. พิจารณาได้ในเดือน ธ.ค. 65

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า รฟท. คงต้องปรับแผนงานใหม่ จากเดิมการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี 65 เป็นแล้วเสร็จภายในปี 66 และจะใช้เวลาดำเนินการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ซึ่งเป็นงานในส่วนของสัญญาที่ 3 อีกประมาณ 1 ปี โดยขณะนี้ สัญญาดังกล่าวมีความคืบหน้าประมาณ 26.25% ช้ากว่าแผน 73.13% อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโครงการฯ ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาในส่วนของแรงงานที่ผู้รับจ้างยังไม่จัดหาแรงงานเข้ามาเพิ่มเติม จึงทำให้ไม่สามารถเร่งรัดงานการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเร็วขึ้นได้ ซึ่งกำชับให้ผู้รับจ้างเร่งดำเนินการแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ตลอดทั้งสายประมาณปลายปี 67 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ อาจจะเปิดใช้บริการรถไฟทางคู่ภายในปี 66 เลย แต่จะใช้ระบบอาณัติสัญญาณฯ เดิมไปก่อน ในระหว่างที่รอการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ ใหม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ระบบอาณัติสัญญาณฯ เดิม พนักงานขับรถไฟจะทำหน้าที่ในการโยนห่วงและรับห่วงทุกสถานี เพื่อความปลอดภัย และการจัดการเดินรถไฟ แต่หากเป็นระบบใหม่ จะเป็นระบบไฟสี เป็นการควบคุมระบบอาณัติสัญญาณด้วยระบบอัตโนมัติ จะเป็นการขอทาง และให้ทางด้วยระบบคอมพิวเตอร์

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า แม้การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แต่ รฟท. ได้เริ่มเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายเหนือแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการใช้บริการสถานีรถไฟลพบุรี และสถานีรถไฟลพบุรี 2 เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำแผนการเดินรถไฟในอนาคต ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการ ซึ่งสาเหตุที่ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็น เนื่องจากเมื่อเปิดให้บริการรถไฟทางคู่แล้ว ประชาชนต้องย้ายมาใช้บริการจากสถานีรถไฟลพบุรี มาเป็นที่สถานีรถไฟลพบุรี 2 ดังนั้นจึงต้องเก็บข้อมูลว่า ประชาชนได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่ อย่างไร เพื่อนำไปหารือกับฝ่ายเดินรถ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.ลพบุรี ในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดต่อไป.