หากพูดถึงคู่พ่อลูกที่น่ารักอีกคู่ของวงการบันเทิง ต้องยกให้ เบสท์-รักษ์วนีย์ คำสิงห์ ลูกสาวคนสวยของคุณพ่อ สมรักษ์ คำสิงห์ หรือ “พ่อบาส” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ต้องบอกว่า ไม่ว่าสาวเบสท์นั้นจะมีสุขหรือทุกข์ ผ่านกี่มรสุม ก็จะเห็นคุณพ่อสมรักษ์เป็นเหมือนป้อมปราการคอยปกป้องและให้คำปรึกษา ทั้งเรื่องชีวิต เรื่องงาน รวมถึงความรักกับ ตงตง-กฤษกร กนกธร จนกลายเป็นภาพอบอุ่นให้เห็นเสมอมา ล่าสุดเจอเบสท์มาร่วมงานเปิดตัว YAMI Live Thailand เลยไม่พลาด พูดคุยเกี่ยวกับโมเมนต์ประทับใจเกี่ยวกับคุณพ่อ และเปิดคำสอนจากพ่อสมรักษ์ เพื่อเป็นการต้อนรับและร่วมฉลอง “วันพ่อแห่งชาติ” นี้ไปด้วยกัน

Q : เล่าโมเมนต์ประทับใจ “คุณพ่อสมรักษ์” ให้ฟังหน่อย?
เบสท์ : หนูว่าเป็นเรื่องของเทศกาล หรือเหตุการณ์สำคัญของลูก เทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง เขาต้องว่างเพื่อมาหาเรา ซึ่งวันปกติพ่อเราก็ไปทำงานบ้าง ไปหาเพื่อนบ้าง พอเป็นเทศกาลปุ๊บ เขาก็จะอยู่บ้านทันที เราอยากไปไหน เขาก็พาไป ก็ประทับใจในเรื่องนี้ของคุณพ่อ บางทีเขาไม่เลือกงานจ้างเลย แต่จะพาลูกไปเที่ยว พอเป็นเรื่องของลูก เช่น งานกีฬาสีของลูก พ่อต้องไปนะ เขาก็ไปตลอด หรือปีใหม่ต้องพาหนูไปเที่ยวที่นี่นะ ต่อให้เขามีงานจ้าง เขาก็พาหนูไปค่ะ
Q : คำสอนจาก “คุณพ่อสมรักษ์” ที่อยู่ในใจ คืออะไร?
เบสท์ : เขาก็บอกว่า ‘มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด’ และ ‘ไม่ต้องเป็นคนเก่งมาก แต่ขอให้เป็นคนดี’ อันนี้ก็เป็นคำสอนที่ดี และเราก็เข้าใจทั้งสองอัน เป็นสิ่งที่พ่อสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยค่ะ

Q : พอมาทำงานในวงการบันเทิง “คุณพ่อสมรักษ์” ห่วงอะไร “เบสท์” เป็นพิเศษมั้ย?
เบสท์ : อย่างเวลาหนูออกงาน เช่น เต้น ร้องเพลง คุณเมาท์มอย พูดเพราะบ้าง ไม่เพราะบ้าง คุณพ่อก็ไม่เคยว่าเลยค่ะ พ่อหนูบอกว่าการที่ไปเบรก มันทำให้เราเสียความมั่นใจ แต่ทุกอย่างก็ให้เรียนรู้เอง เดี๋ยวก็รู้เองว่าอันนี้ควรหรือไม่ควร แต่สำหรับเขาเป็นพ่อ ก็มองเราว่า เราแต่งตัวแบบนี้เราสวย เราร้องเพลงก็เพราะ เราเต้นเก่ง ความเป็นพ่อแม่ เขาก็มองเราแต่ดีแล้ว แต่ในขณะนั้น เราอาจไม่เก่งก็ได้ แต่เขาไม่ได้พูด เดี๋ยวเราเสียความมั่นใจ ก็ให้เราเรียนรู้เอง
Q : ในวงการก็มักมีดราม่าต่าง ๆ “คุณพ่อสมรักษ์” ให้กำลังใจ ให้เราก้าวผ่านมรสุมเหล่านี้ยังไง?
เบสท์ : ไม่หรอกค่ะ เพราะว่าพ่อเขาก็เห็นคนด่าลูก เขาก็ฉุนเหมือนกัน หนูว่าในโลกนี้มันไม่มีทั้งตัวเราหรือคนที่รักเรา เขาจะอยู่นิ่งได้หรอก อยู่ ๆ ก็มาด่าคนของเรา พ่อหนูก็ไม่ได้ให้ตัวหนูจัดการอะไร เขาก็ฉุนเหมือนกัน บางทีเขาก็มานั่งด่าชาวเน็ตให้หนูฟัง (ยิ้ม) มันก็เป็นการให้กำลังใจหนูอย่างนึงเหมือนกันนะ เพราะเราด่าไม่ได้ ตอบโต้ไม่ได้ แต่พ่อเราก็มาแล้ว มาปกป้อง อยู่ ๆ ก็ไลฟ์สดอัดวิดีโอฉะให้ บางทีเราก็รู้สึกว่าพ่อปกป้องเรา เขาเป็นคนจริง

Q : รู้สึกยังไงที่เข้ามาในวงการ ก็ไม่ได้ตัวคนเดียว แต่มีคุณพ่อคอยกางปีกปกป้องแบบนี้?
เบสท์ : หนูว่าเป็นความโชคดีนะคะ เราไม่ได้คิดว่าเป็นดาราหรือดังเพราะตัวเอง เราคิดเสมอว่าเราคือวัยรุ่นคนนึง ที่พ่อเป็นคนในวงการ เป็นนักมวยทีมชาติ คนรู้จักเรา ก็พูดว่า ‘ลูกสมรักษ์’ เราก็ไม่เคยทะนงตัวเองว่าเขารู้จักเรา เพราะเราโดดเด่น เราก็คิดว่าเราโชคดีที่มีพ่อ ก็เป็นความภูมิใจด้วย บางทีเขาไม่รู้จักเรา แต่ก็จำได้ว่าลูกสมรักษ์ จำหน้าคุ้น ๆ สมมุติถ้าเราไม่ได้เป็นลูกพ่อสมรักษ์ เราเดินไป เขาก็อาจนึกหน้าไม่ออกเลย (ยิ้ม)
Q : ไม่ซีเรียสที่คนจะมองว่า “เบสท์” โด่งดังได้ เพราะคุณพ่อ?
เบสท์ : ไม่ซีเรียสเลยค่ะ อยากจะจำหนูว่า เบสท์ คำสิงห์, ลูกสมรักษ์ หรือแฟนตงตง ก็จำไปเลย หนูคิดว่าทุกอย่างคือมันเป็นความภูมิใจและโชคดีของหนู ไม่ว่าเขาจะจำหนูด้วยเรื่องดราม่าด้วยซ้ำ หนูรู้สึกว่าอย่างน้อยคุณก็ติดตามเรา (ยิ้ม) ก็โอเคค่ะ และหนูก็ไม่ได้รู้สึกกดดันที่เป็นลูกคุณพ่อแล้วคนจะมาจับตาหรือคาดหวัง แต่แค่เวลาทำอะไร อย่างตอนเด็ก ๆ เวลาที่เพื่อน ๆ เดินห้างแล้วพากันกระโดดโลดเต้น เสียงดัง รบกวนคนอื่น เราก็จะบอกว่า บางทีก็เกินไป บางทีเขาถ่ายคลิปแล้วโพสต์ลงไป บอกว่าลูกสมรักษ์พาเพื่อนไปทำอะไรแบบนี้ มันก็ไม่ได้ไง (ยิ้ม) ก็จะบอกเพื่อนว่าเสียงดังแค่เรา อย่าไปรบกวนคนอื่นเลย มันก็ทำให้เราทำอะไรก็คำนึงถึงคุณพ่อมากกว่า และเราก็ห้ามเพื่อน แต่เพื่อนก็อาจมีมุมแบบ ‘แค่ลูกสมรักษ์เอง จะอะไรเนี่ย’ แต่เราก็จะบอกเพื่อนให้เชื่อเราค่ะ



Q : เรื่องหัวใจล่ะ ความรักของ “เบสท์-ตงตง” ก็อยู่ในสื่อตลอด คุณพ่อมีให้คำแนะนำหรือเป็นห่วงบ้างมั้ย?
เบสท์ : พ่อหนูไม่ได้ว่าเลยนะคะ เรื่องที่คนคอมเมนต์กันว่า ‘ไหนว่าพ่อหวง’ คือเขาหวงจริงแต่ความหวงของเขา เป็นความหวงที่ดีมากเลย เขาไม่ได้มาว่า ห้ามหรือกีดกัน เขาก็หวงอยู่ห่าง ๆ ดูอยู่ห่าง ๆ เวลาที่หนูทะเลาะกับพี่ตงตง เขาก็มาสอนหนู ไม่ได้สอนแบบเข้าข้างใคร แต่สอนว่าคนนี้ผิดอะไร ต้องแก้ตรงไหน หนูว่ามันเป็นความหวงที่ดี แต่ทำไมคนชอบคอมเมนต์ ‘ไหนว่าพ่อหวง ๆ’ คือเราลองมองคำว่าหวงอีกแบบนึงสิ ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่ของหนูหวงได้ถูกต้องมาก ๆ ถ้าหนูเป็นแม่คน ก็จะเลี้ยงลูกแบบนี้นะ มันก็ทำให้เราแฮปปี้ แฟนเราก็แฮปปี้ เพราะว่าพ่อแม่โอเพ่น แต่เวลาที่ทะเลาะกัน เขาก็ช่วยหนุนเรา อย่างบอกกว่า ‘เบสท์ลองคิดดูนะ ผู้ชายมีตั้งหลายแบบ และพี่ตงตงเขาผิดตรงนี้ เราให้อภัยได้มั้ย’ มันเป็นในมุมที่โต เราเลยรู้สึกดีค่ะ
Q : โชคดีที่คุณพ่อและคุณแม่ ที่ซัพพอร์ตและเข้าใจในทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องความรัก?
เบสท์ : หนูรู้สึกว่าโชคดีตั้งแต่แรกเลย ก่อนหน้าที่จะมีแฟน หนูก็รู้สึกว่าโชคดีมาตลอด และพอมีแฟนปุ๊บ ก็ยิ่งให้ได้เห็นมุมมองของคุณพ่อและคุณแม่ที่ดี บางทีคุยกับเพื่อน เพื่อนก็ยังบอกว่าดี มันดีจริง ๆ

Q : “เบสท์” เป็นอีกคนที่มักเห็นเปย์ “คุณพ่อคุณแม่” เพื่อทดแทนบุญคุณ เรามีมุมมองที่ลูกจะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ยังไง?
เบสท์ : หนูว่าสมมุติถ้าหนูไม่ได้หาเงินได้เยอะ ก็ตอบแทนเขาได้โดยที่ไม่ต้องทำตัวเหลวไหล หรือทำให้เขารู้สึกเสียใจ คือตั้งแต่เด็กหนูก็ไม่ได้หาเงินได้ แต่พ่อหนูเป็นซีเรียสมากกับการที่ลูกไปเที่ยวกลางคืน ลูกสูบบุหรี่ กินเหล้าติดยา หนูก็ไม่ทำ เพราะถือว่าเป็นการมอบความสุขให้พ่อแม่ ทำให้พ่อแม่ มันก็ได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องซื้อบ้าน ซื้อรถ ให้ตังค์ก็ได้ แต่เรารู้ว่าพ่อแม่ไม่มีความสุขในการทำอันนี้ เราก็ไม่ต้องทำค่ะ พอมา ณ วันนี้ เราไม่ทำในสิ่งที่พ่อแม่ไม่ชอบ เราก็ได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่เขาห้ามในวันนี้ ก็ดีในวันนี้ และเราหาเงินได้ เราก็ให้เขา ตามที่เราหาได้ ก็แค่นั้นเอง
Q : ท้ายสุดอวยพร “วันพ่อ” ให้แฟน ๆ หน่อย?
เบสท์ : สำหรับวันพ่อปีนี้ ถ้าลูก ๆ ที่ไม่ได้อยู่กับคุณพ่อ ก็อยากให้กลับไปหาพ่อกันนะคะ แต่ถ้าใครอยู่กับคุณพ่ออยู่แล้ว ก็ไหว้พ่อ พาคุณพ่อไปกินข้าว เบสท์ก็กราบพ่อทุกปีเหมือนกัน ซึ่งจริง ๆ มันทำได้ทุกวัน แต่เทศกาลพ่อแม่ก็จะมีความคาดหวังว่า ลูกจะอยู่กับเขา เราก็ทำให้เต็มที่ เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็รอเราอยู่ สุขสันต์วันพ่อนะคะ
แม้เป็นการพูดคุยสั้น ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความผูกพัน ความห่วงใยและหวังดี ที่ “พ่อสมรักษ์” มีต่อ “เบสท์” ผ่านถ้อยคำที่ถูกร้อยเรียงอย่างเรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยรักของพ่อและลูกจริง ๆ