พรรคประชาธิปัตย์ ดูเหมือนจะเป็นตัวตั้งตัวตี ฟาดกันเองในพรรคร่วมรัฐบาลว่า “ยอมรับเสรีกัญชาไม่ได้” ขณะที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รีบออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการควบคุมช่อดอก ก่อนที่กฎหมายจะออก แต่ก็ยังเป็นเรื่อง เมื่อปรากฏภาพเด็กเสพกัญชาริมหาดพัทยา

วิวาทะจึงแรงขึ้น เมื่อเสี่ยหนูออกมาตั้งข้อสังเกตว่า “เป็นการจัดฉากหรือไม่” โดยพูดทำนองโยงๆ ไปถึง นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ค้านเรื่องนี้อยู่ คราวนี้กลายเป็นการเปิดศึกสองพรรค ภูมิใจไทยก็เล่นในเรื่องมารยาทของความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อะไรเป็นนโยบายรัฐบาล ก็ไม่ควรต่อต้าน

นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้เรื่องการจัดฉาก ว่า “คงไม่มีใครปัญญาอ่อนไปจัดฉากให้เป็นประเด็นทางการเมือง” พร้อมทั้งท้าให้คนที่กล่าวหา นพ.บัญญัติ หาหลักฐานให้ได้ใน 7 วัน ว่า เป็นการจัดฉาก ถ้าหาไม่ได้ คนพูดต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ และยืนยันว่า ประชาธิปัตย์ห่วงเพราะไม่มีนโยบายควบคุม

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ก็โต้กลับทันทีว่า ที่มันไม่มีนโยบายควบคุม เพราะบางพรรคนั่นแหละถ่วงไว้ และยังย้อนเกล็ดพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตอนกฎหมายอยู่ในชั้นกรรมาธิการ นายกนก วงศ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์เองก็รู้เห็น แถมประชาธิปัตย์ยังเสนอเรื่องสันทนาการ แต่ กมธ. ไม่เอาด้วย

นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า “ท่านละอายใจหรือไม่ ที่เล่นการเมืองโดยเอาเด็ก และเยาวชนเป็นเดิมพัน เพื่อหาช่องโจมตีพรรคการเมืองอื่นๆ พรรคภูมิใจไทยกังวลกับภาพที่เด็กเข้าถึงกัญชาเพื่อนันทนาการ แต่เราก็ต้องคิดถึงประชาชนนับล้านคน ที่ใช้กัญชารักษาโรค ใช้กัญชาเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ มีคนลงทะเบียนปลูกถูกกฎหมายนับล้านคน” 

พรรคภูมิใจไทย ยืนยันใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งผลจะออกมาอย่างไร ก็คงต้องไปฟาดฟันกันในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระสองต่อไป แต่ถ้ามีผู้ลงทะเบียนปลูกถูกกฎหมายนับล้านคนจริง แสดงว่า “หากกฎหมายไม่ผ่านสภา มีโอกาสที่จะมีผู้ได้รับความเดือดร้อนมาก” จากการที่ได้ลงทุนไปแล้ว

ดูไปดูมา มันก็เหมือนเป็นการต่อสู้ทางการเมืองในช่วงก่อนเลือกตั้ง โดยเฉพาะการแย่งพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้สภาพของพรรคประชาธิปัตย์คือเลือดไหลออกไม่หยุด ประกอบกับพรรคภูมิใจไทยเอง ก็เจาะพื้นที่ภาคใต้แข็งขัน จนในการเลือกตั้งปี 2562 ได้ ส.ส. มาในจำนวนที่น่าพอใจ สามารถเจาะยางเขตผูกขาดประชาธิปัตย์ในพัทลุงและสงขลาได้

เมื่อมีการต่อสู้ทางการเมือง กลยุทธ์ปกติสามัญที่เราเห็นคือการโจมตีทางการเมือง ทางพรรคประชาธิปัตย์ยกเรื่องการมอมเมาขึ้นมา ซึ่งปัญหายาเสพติดในประเทศไทยก็เรียกว่าหนักอยู่แล้ว เพิ่มกัญชานันทนาการมาอีกเรื่อง เห็นจะยิ่งเตลิดไปใหญ่ ขณะที่ภูมิใจไทยยกประเด็นทางเศรษฐกิจ และย้ำประเด็นทางการแพทย์มาโต้กลับเรื่อยๆ

ซึ่งที่สุดแล้ว ก็น่าจะลองสำรวจถ้าจะชิงพื้นที่ภาคใต้ ว่า “มีผู้ลงทุนกับกัญชาในภาคใต้ไปจำนวนเท่าไร” มีข่าวว่า ก็ไม่ได้น้อยอยู่ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะเกิดความหวั่นไหวได้ หากภูมิใจไทยใช้วิธีหาเสียงง่ายๆ ว่า “ประชาธิปัตย์ตัดโอกาสการหารายได้จากกัญชา” ส่วนภูมิใจไทยจะดันต่อ กฎหมายไม่ผ่านสมัยนี้ ก็จะเอามาขายเป็นนโยบายหลัก

เมื่อใกล้เวลาเลือกตั้ง แต่ละพรรคก็ละความเป็นมิตรในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หาประเด็นดิสเครดิตกันให้มากที่สุด.