สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ว่า ศาลกรุงบัวโนสไอเรสมีคำพิพากษา เมื่อวันอังคาร ให้รองประธานาธิบดีคริสตินา เฟอร์นันเดซ เดอ เคียร์ชเนอร์ รับโทษจำคุกเป็นเวลา 6 ปี และถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ฐานมีความผิดจริงจากการรับสินบนมหาศาล จากนายลาซาโร แบซ มหาเศรษฐีนักธุรกิจในวงการก่อสร้างของอาร์เจนตินา เพื่อแลกกับการมอบสัมปทานโครงการพัฒนาของรัฐหลายโครงการให้แก่อีกฝ่าย


ทั้งนี้ ศาลมีคำตัดสินให้แบซรับโทษจำคุกเป็นเวลา 6 ปีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าจำเลยทั้งสองคนยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากคำตัดสินดังกล่าวยังเป็นของศาลชั้นต้น และมีความเป็นไปได้สูงมากว่า แบซจะได้รับการประกันตัวให้สู้คดี ขณะที่เคียร์ชเนอร์ยังคงมีสถานะคุ้มกันทางการเมือง ในฐานะรองประธานาธิบดี

กลุ่มผู้สนับสนุนรองประธานาธิบดีคริสตินา เฟอร์นันเดซ เดอ เคียร์ชเนอร์ เดินขบวนคัดค้านคำพิพากษาของศาล ในกรุงบัวโนสไอเรส


ด้านรองผู้นำหญิงของอาร์เจนตินา แถลงหลังรับทราบคำพิพากษาของศาล ที่บทลงโทษจำคุกน้อยกว่าที่อัยการขอไว้ครึ่งหนึ่ง คือ 12 ปี ว่า บ้านเมืองกำลังเผชิญกับสถานการณ์ระหว่าง “รัฐคู่ขนานกับกระบวนการยุติธรรมแบบมาเฟีย” และกล่าวเป็นนัยว่า แม้มีการยื่นอุทธรณ์ แต่ “ผลกระทบสืบเนื่องที่แท้จริง” จะเกิดขึ้นหลังรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ ครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือน ธ.ค. 2566


อนึ่ง เคียร์ชเนอร์ ซึ่งเป็นภริยาม่ายของอดีตประธานาธิบดีเนสเตอร์ เคียร์ชเนอร์ ผู้ล่วงลับ เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเนื่องสองสมัย ระหว่างปี 2550-2558 ยังคงเป็นหนึ่งในนักการเมืองแถวหน้า และทรงอิทธิพลสูงสุด โดยทั้งมีบทบาทและถือเป็น “สัญลักษณ์ของการแบ่งแยก” ทางการเมืองในอาร์เจนตินาและอเมริกาใต้

เธอรอดชีวิตจากความพยายามถูกลอบสังหารอย่างหวุดหวิด เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งพยายามลั่นไกปืนใส่เคียร์เนอร์ในระยะเผาขน ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่อาร์เจนตินากลับคืนสู่การปกครองระบบประชาธิปไตย เมื่อปี 2526 หลังก่อนหน้านั้นอยู่ภายใต้รัฐบาลทหาร.

เครดิตภาพ : REUTERS