ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้ติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์การจ้างงานของกลุ่มผู้พิการของสถานประกอบการในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งยังพบว่า การจ้างงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจากสถานประกอบการส่วนใหญ่ที่ยังดำเนินตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต พ.ศ. 2550 ยังเน้นการนำเงินส่งเข้ากองทุนเป็นไปตามมาตรา 34 มากกว่าการจ้างคนพิการเข้าทำงานตาม มาตรา 33 และ มาตรา 35 เนื่องจากความไม่พร้อมของสถานประกอบการในการจัดหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้ผู้พิการ ปัญหาการเดินทางของผู้พิการที่ยังเป็นอุปสรรค และด้านทักษะ การศึกษายังไม่เข้าเกณฑ์ของสถานประกอบการ ส่งผลให้ปัจจุบันมีอัตราการจ้างงานเข้าสู่ระบบงานมีเพียง 40% ซึ่งยังไม่สอดคล้องกับจำนวนผู้พิการที่มีอยู่ประมาณ 2 ล้านคนในประเทศไทย หากนับรวมจำนวนครอบครัวผู้พิการด้วยแล้ว ประมาณ 10 ล้านคน จะส่งผลให้เกิดผลกระทบในวงกว้างขึ้น

ดังนั้นที่ผ่านมาได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการจ้างงานผู้พิการเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้พิการมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ และยังคงศักดิ์ศรีการดูแลตนเองได้อย่างมั่นคง ซึ่งการดำเนินงานของพรรค จะยังคงให้ความสำคัญในการผลักดันให้สถานประกอบการมีการสนับสนุนมูลนิธิ สมาคมต่างๆ เพื่อให้มีการจ้างผู้พิการ ทำงานด้านสาธารณะประโยชน์ หรือการส่งเสริมการประกอบอาชีพของตนเองได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ได้วางแนวทางการให้เกิดการส่งเสริมให้ผู้พิการเข้าสู่ระบบการจ้างงานตามมาตรา 35 ที่จะเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับแนวทาง การดำเนินงานของ มูลนิธิพระมหาไถ่ เพื่อการพัฒนาคนพิการ โดยนายมานพ เอี่ยมสอาด รองเลขาธิการมูลนิธิฯ ได้เสนอแนวทางการช่วยเหลือ และเพิ่มโอกาสการว่าจ้างผู้พิการเข้าทำงานในระบบมากยิ่งขึ้น พร้อมไปกับการเพิ่มเครื่องมือ เพื่อเปิดรับการลงทะเบียนของ ผู้พิการทั่วประเทศ ผ่าน“แอปพลิเคชั่น NiNA1479” ซึ่งเป็น Super App เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลของคนพิการที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อที่จะได้จัดสรรการทำงาน ของคนพิการเข้าสู่ระบบ ตามมาตรา 35 ที่ว่าด้วยการจัดให้สัมปทาน การจัดสถานที่ให้จำหน่ายสินค้าและบริการ การจัดจ้างเหมาช่วงงาน หรือบริการ จัดให้มีการฝึกงาน จัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสถานประกอบการที่มีคนพิการทำงานอยู่แล้ว ให้มีล่ามภาษามือสำหรับสถานประกอบการที่มีพนักงานเป็นคนพิการหูหนวก และ จัดให้มีความช่วยเหลืออื่นใด ให้คนพิการหรือผู้ดูแล

ในการส่งเสริมให้สถานประกอบการเข้าสู่ระบบการจ้างงานผ่านมาตรา 35 จะเป็นการแก้ไขปัญหาดูแลผู้พิการทั่วประเทศ ซึ่งจะได้ผลประโยชน์ทั้งนายจ้าง และลูกจ้างมากยิ่งขึ้น ตามแนวทางการสร้างสังคมที่มีคุณภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกกลุ่มเพื่อสู่เป้าหมาย “การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ ยังมีแนวทางของพรรค ที่จะเร่วผลักดันการจัดตั้ง กองทุนเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาความยากจน ส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้พิการ และกลุ่มเปราะบาง เป็นต้น ซึ่งรูปแบบการจัดตั้งกองทุนฯ ได้หารือกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ กลต. พร้อมสนับสนุนผลักดันให้เกิดการจัดตั้งกองทุน ผ่านกลไกตลาดทุนในอนาคต ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม