สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางถึงกรุงริยาด เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยได้รับการต้อนรับจากคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย นำโดยเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุด รมว.การต่างประเทศ ผู้ว่าราชการกรุงริยาด และผู้อำนวยการกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย


สำหรับการเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการของสีในฐานะผู้นำจีน เพื่อร่วมเป็นประธานในการประชุมสุดยอดระหว่างจีนกับคณะมนตรีความร่วมมืออ่าวอาหรับ (จีซีซี) ซึ่งสมาชิกได้แก่ บาห์เรน คูเวต กาตาร์ โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และซาอุดีอาระเบีย

คณะเจ้าหน้าที่ของซาอุดีอาระเบีย รอให้การต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่กรุงริยาด


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศในกรุงปักกิ่ง ออกแถลงการณ์ยกย่องภารกิจของผู้นำจีนในครั้งนี้ คือก้าวย่างสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ ในการส่งเสริมและขยายขอบเขตความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย

ด้านสำนักข่าวแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (เอสพีเอ) รายงานเพิ่มเติมว่า จีนและซาอุดีอาระเบีย ลงนามร่วมกันในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) และกรอบความร่วมมือรวม 34 ฉบับ ครอบคลุมประเด็นเกี่ยวกับพลังงานสีเขียว เทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบคลาวด์ การคมนาคม การก่อสร้าง และอีกมากมาย

ธงชาติจีนเคียงคู่กับธงชาติซาอุดีอาระเบีย และธงชาติของสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมืออ่าวอาหรับ (จีซีซี) บนถนนในกรุงริยาด


เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รมว.พลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า รัฐบาลริยาด “จะยังคงเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจ” ของจีนในด้านพลังงาน และทรงแสดงความเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในเรื่องนี้จะก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป อนึ่ง ปัจจุบันจีนเป็นประเทศผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก


ในอีกด้านหนึ่ง นายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ วิจารณ์การเยือนซาอุดีอาระเบียของประธานาธิบดีจีน ซึ่งสื่อหลายแห่งให้ความเห็นว่า “ได้รับการต้อนรับดีกว่าอย่างชัดเจน” เมื่อเทียบกับการเยือนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ยังมีกระแสข่าวเกี่ยวกับมูลค่าข้อตกลงซึ่งทั้งสองประเทศลงนามร่วมกัน ว่า อาจสูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.04 ล้านล้านบาท) ว่า เป็นความพยายามรุกคืบขยายอิทธิพลทางการเมืองและการค้าของรัฐบาลปักกิ่ง อย่างไรก็ดี ภารกิจของอีกฝ่ายไม่มีทางส่งผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาลวอชิงตันในตะวันออกกลาง.

เครดิตภาพ : REUTERS