สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ว่า นางดีนา โบลูอาร์เต รองประธานาธิบดีเปรู สาบานตนรับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ เมื่อวันพุธ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังที่ประชุมสภาคองเกรสของเปรู มีมติเสียงข้างมากท่วมท้น 101 เสียง ให้ถอดถอนนายเปโดร กัสติโย ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยมีเสียงคัดค้านเพียง 6 เสียง และงดออกเสียง 10 เสียง

ทั้งนี้ กัสติโยซึ่งรับตำแหน่งผู้นำเปรู เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว ด้วยการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติก่อนการลงมติของสภาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ว่า เตรียมยุบสภา และมีแผนจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
Peru's Congress voted to oust President Pedro Castillo in an impeachment trial, just hours after he plunged the country into a constitutional crisis by attempting to dissolve the legislature by decree https://t.co/lbKqWaeTOF pic.twitter.com/O28PS6c9Zh
— Reuters (@Reuters) December 8, 2022
หลังจากนั้นไม่นาน กระทรวงความปลอดภัยสาธารณะของเปรูยืนยัน การควบคุมตัวกัสติโย เบื้องต้นมีการตั้งข้อกล่าวหาต่ออีกฝ่าย “เป็นกบฏ” และ “สมคบคิด” เพื่อทำลายรัฐธรรมนูญของประเทศ ขณะที่โบลูอาร์เต วัย 60 ปี จะอยู่ในวาระของกัสติโยจนถึงปี 2569 และสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำหญิงคนแรกของเปรูด้วย
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายจับตาว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็น “จุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทางการเมืองครั้งใหม่” ในเปรูหรือไม่ โดยวิกฤติครั้งล่าสุดในยุคของกัสติโย เกิดขึ้นเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เมื่ออัยการสูงสุดสอบสวนกัสติโยฐานคอร์รัปชั่น ด้วยการเป็น “ผู้นำองค์กรก่อการร้าย” แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการของรัฐ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของอัยการ ขณะที่สภาคองเกรสเปรู กล่าวหากัสติโย วัย 53 ปี ซึ่งเป็นอดีตครูชนบท “ไม่มีศีลธรรม” ในการทำหน้าที่ผู้นำ
ต่อมา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงลิมา ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับโบลูอาร์เต และวิจารณ์การที่กัสติโย “ใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ”.
เครดิตภาพ : REUTERS