สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ว่า นายมิคเคล วินเธอร์ พีเดอร์เซน ผู้เขียนร่วมงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ “เนเจอร์” และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน กล่าวว่า พวกเขากำลังทำลายกำแพงของสิ่งที่คิดว่าเอื้อมถึง ในแง่ของการศึกษาพันธุกรรม

ทีมนักวิทยาศาสตร์พบชิ้นส่วนดีเอ็นเอในตะกอนจากพื้นที่ตอนเหนือสุดของกรีนแลนด์ที่เรียกว่า “แคป โคเปนเฮเกน” ซึ่งชิ้นส่วนเหล่านี้ “มาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถพบเห็นได้บนโลกในปัจจุบัน” โดยพวกมันอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่ปราศจากผู้คน และถูกแช่แข็งเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องพิจารณาว่ามีดีเอ็นเอซ่อนอยู่ในดินเหนียวและแร่ควอทซ์หรือไม่ จากนั้นจึงดูว่ามันสามารถนำออกจากตะกอนเพื่อทำการตรวจสอบได้หรือไม่ นางคารินา แซนด์ หัวหน้าทีมธรณีชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน และผู้มีส่วนในการศึกษาดังกล่าว ระบุว่า วิธีการที่ใช้จะช่วยให้ความเข้าใจพื้นฐานว่า เหตุใดแร่ธาตุหรือตะกอนจึงสามารถรักษาดีเอ็นเอเอาไว้ได้

ปัจจุบัน แคป โคเปนเฮเกน คือ ทะเลทรายอาร์กติกที่มีการค้นพบตะกอนสะสมประเภทต่าง ๆ รวมถึงฟอสซิลของพืชและแมลงจำนวนมากในสภาพที่ดีเยี่ยม แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ลองพิสูจน์ดีเอ็นเอของฟอสซิลแต่อย่างใด และไม่ค่อยทราบ เกี่ยวกับการมีอยู่ของสัตว์ในช่วงเวลานั้นด้วย

“เราไม่เคยเห็นสภาพแวดล้อมเช่นนี้ และการผสมผสานของสายพันธุ์แบบนี้ที่ไหนมาก่อนในโลกปัจจุบัน” วินเธอร์ พีเดอร์เซน กล่าว “ความสามารถในการปรับสภาพของสายพันธุ์ และวิธีที่สายพันธุ์เหล่านั้นสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศรูปแบบต่าง ๆ ได้ อาจแตกต่างจากสิ่งที่พวกเราคิดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งแน่นอนว่า มันทำให้พวกเราต้องมองหาไซต์ใหม่ที่มีอายุเก่าแก่กว่าเดิม.

เครดิตภาพ : REUTERS