เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย แสดงความเป็นห่วงถึงองค์ประชุมในการประชุมสภาว่าเป็นเรื่องที่ต้องรับฟัง เพราะนายชวนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ มีความปรารถนาดีต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งองค์ประชุมสภานั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก ก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นการประชุมเรื่องใด ทุกฝ่ายต้องมีหน้าที่เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ สำหรับในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกคนทราบภารกิจดีอยู่แล้ว อีกทั้งเป็นสิ่งที่เรากำชับไว้ตั้งแต่วันแรกหลังการเลือกตั้ง
ส่วนข้อแนะนำของประธานรัฐสภา ที่ให้นายกรัฐมนตรีไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายกฯ ส่วนหนึ่งด้วยในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร เพราะนายชวนเป็นประธานฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งในระบบนี้ต้องทำงานร่วมกัน เพราะฉะนั้นหากท่านนายกฯ จะช่วยกำชับด้วยอีกแรง จะเป็นเรื่องที่ดี ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ต้องถือว่าในระบบรัฐสภาต้องให้ความร่วมมือกับรัฐสภา ในการที่จะทำให้งานทุกอย่างไปได้ด้วยความราบรื่น เพราะกฎหมายของฝ่ายบริหารก็ต้องเสนอผ่านสภา ถ้าสภาไม่เห็นชอบก็ไปต่อไม่ได้ และกฎหมายถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญของฝ่ายบริหาร ในการที่จะใช้บริหารราชการแผ่นดิน เพราะฉะนั้นฝ่ายบริหารต้องพึ่งรัฐสภา นอกจากพึ่งแล้วจะต้องกำชับในเรื่องของเสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภาให้เพียงพอด้วยในการที่จะผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการยุบสภาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ พรรคประชาธิปัตย์ได้รับสัญญาณอะไรแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไรจากท่านนายกฯ แต่การเมืองมันไม่แน่นอน อย่างที่นายชวนพูดไว้ มันไม่มีหลักประกันอะไรว่าอุบัติเหตุมันจะเกิดหรือไม่เกิด หรือมันจะเกิดตอนไหน ทุกฝ่ายต้องเตรียมพร้อม พรรคการเมืองต้องเตรียมพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใกล้เดินหน้าไปสู่การครบวาระของสภาสมัยนี้ มันอาจจะครบ หรือไม่ครบ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งหมด และเป็นสิ่งที่ตนคิดว่าทุกพรรคก็ต้องเตรียมตัว พี่น้องประชาชนก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายจุรินทร์ยังให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลออกมาว่า นายจุรินทร์ เป็นนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต นั้นว่า ต้องขอบคุณโพล แต่ความซื่อสัตย์ สุจริตทั้งหมดจะต้องสะสม แล้วต้องใช้เวลาพิสูจน์ ไม่ใช่จะได้มาภายในวันเดียว นักการเมืองทุกคน หรือผู้ที่จะพิสูจน์ความซื่อสัตย์ สุจริตได้นั้น ก็ต้องใช้วันเวลาในการพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งตนก็ชัดเจนในทิศทางของตัวเองมาตั้งแต่ต้นว่า เราต้องการเดินแนวทางอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์ สุจริต แล้วเราก็ไม่มีทางที่จะไปเขวนอกเส้นทาง เพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้ และทนทานต่อการพิสูจน์เสมอ ในทุกสถานการณ์ ในทุกวันเวลา ตนมั่นใจว่าสมาชิกประชาธิปัตย์ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคก็เดินตามแนวนี้ โดยนายชวนเป็นต้นแบบ ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะการยืนหยัดอุดมการณ์ประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่ความซื่อสัตย์ สุจริต ยังเป็นอุดมการณ์ของประเทศ ที่ประเทศควรยึดถือด้วย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะเดินไปตามแนวทางนี้
นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า เรื่องที่น่าห่วงอีกเรื่องที่สังคมจะต้องตระหนักติดตามใกล้ชิดคือเรื่องธนกิจการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากสำหรับประเทศ ทำลายประเทศมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว การประมูลตัว ส.ส. การประมูลตัวผู้สมัคร เพราะสุดท้ายก็เป็นที่มาของการถอนทุน แล้วนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่น นอกจากทำลายประเทศแล้ว ยังทำลายประชาธิปไตยในที่สุด เรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นอีกเรื่อง ที่คนไทยทั้งประเทศต้องจับตา และให้ความสำคัญ แล้วต้องไม่เลือกนักการเมืองที่คนอื่นเขามาประมูลตัวได้ ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันตระหนักเป็นพิเศษ
“ธนกิจการเมืองรุ่งเรืองเมื่อไหร่ ใช้เงินประมูลตัว ส.ส. เมื่อไหร่ ใช้เงินเป็นปัจจัยหลักในการซื้อตัวคนนั้นคนนี้มาลงรับเลือกตั้ง ทุ่มเทเงินมหาศาล สุดท้ายถอนเงินคืน ทุจริตกันบานเบอะ อันนี้คือประวัติศาสตร์มันสอนเราไว้ เราไม่อยากเห็นสิ่งนี้เกิดอีก แล้วก็อยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้ายืดยาวได้ ไม่เช่นนั้นการคอร์รัปชั่น การถอนทุนคืน จะกลายเป็นเงื่อนไขกล่าวอ้าง แล้วนำไปสู่สิ่งที่เราไม่อยากเห็นเกิดขึ้นอีก ประวัติศาสตร์มันบอกเรา นอกจากผมห่วงเรื่องประชุมสภาแล้ว ผมก็ห่วงเรื่องนี้ ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ไม่อยากให้ย้อนยุคกลับไปอีก ประชาชนต้องเป็นผู้ต้องติดตาม และไม่สนับสนุนสิ่งนี้ ใครที่ถูกประมูลตัวซื้อไป ก็ต้องไม่เลือก ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดทางหนึ่งสำหรับพี่น้องประชาชน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว.