เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ศูนย์การเรียนรู้สหภาพโตโยต้า ประเทศไทย พรรคก้าวไกลจัดการประชุมใหญ่เครือข่ายผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ โดยมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายสุเทพ อู่อ้น และ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายแรงงาน นำโดย นายสุนทร บุญยอด อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ร่วมในงาน
นายพิธา กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังเจอความท้าทายใน 2 อุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ คือ อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเผชิญการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ดังนั้นคนที่เป็นผู้นำแรงงานต้องมาพูดคุยกันว่าจะรับมือความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร ในส่วนพรรคก้าวไกล เราให้ความสำคัญกับพี่น้องแรงงานอย่างมาก และได้ออกแบบนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานทุกคนอย่างยั่งยืน เช่น ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล ค่าแรงขั้นต่ำต้องขึ้นทันที 450 บาท โดยคำนวณให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและดัชนีค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปี ตั้งต้นจากปี 54 ที่ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นเป็น 300 บาทต่อวัน

“พรรคก้าวไกลเสนอว่าค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นทันที 450 บาท ในปี 66 ส่วนพรรคการเมืองอื่นได้เสนอตัวเลขและระยะเวลาเป้าหมายที่ต่างออกไป ผมคิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่พรรคการเมืองเห็นตรงกันว่าต้องเพิ่มรายได้ของผู้ใช้แรงงานให้สูงขึ้น ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าปัจจุบัน”
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาผู้ใช้แรงงานนั้น ทำแค่เรื่องค่าแรงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องเพิ่มการคุ้มครองสิทธิแรงงานด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชั่วโมงการทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สิทธิวันหยุด สิทธิลาคลอดเพิ่มขึ้น สิทธิการรวมตัวกันของแรงงานตามอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้เราเห็นความสำคัญของการที่แรงงานทุกคนต้องมีสิทธิประกันสังคม นอกจากนี้รัฐต้องสนับสนุนการพัฒนาทักษะของแรงงานเพื่อเพิ่มเติมประสิทธิภาพการทำงานในโลกปัจจุบัน เช่น นโยบายคูปองคนวัยทำงานเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ รัฐร่วมจ่าย 80% จากราคาหลักสูตร แต่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อปี

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาของคนทำงานในวงการอื่นๆ เช่น คนทำงานในกองถ่าย ที่ต้องทำงานหนักมากกว่าวันละ 16 ชั่วโมงต่อวัน แพทย์และพยาบาลที่ส่วนใหญ่ทำงานไม่ต่ำกว่า 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่มาตรฐานแรงงานอยู่ที่ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือแรงงานเย็บผ้าที่รับงานไปทำที่บ้าน มีรายได้ต่ำเพราะถูกกดค่าแรง ไม่มีสวัสดิการและหลักประกันใดๆ พรรคก้าวไกลยืนยันจะต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงาน ดูแลคนทำงานทุกคนในประเทศนี้ เพราะเชื่อว่าพวกเราทุกคนคือคน 99% ที่เป็นผู้ใช้แรงงานที่สร้างสรรค์สังคม
ทางด้าน นายสุนทร กล่าวว่า ผู้ใช้แรงงานและคนทำงานจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองของตัวเอง ต้องเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ยืนหยัดอยู่กับคนยากจนและคนที่ยากลำบากในสังคม สำหรับพรรคก้าวไกลเป็นพรรคมวลชน สร้างความเข้มแข็งจากการสนับสนุนของประชาชน มีตัวแทนที่เป็นแรงงานมาจากโรงงานถึง 4 คน เป็นทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเป็น ส.ส.เขตที่เคยชนะการเลือกตั้งใน จ.ชลบุรี จนเกิดคำกล่าวว่า แรงงานล้มบ้านใหญ่ ถึงแม้เครือข่ายแรงงานของอดีตพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบลง แต่เครือข่ายแรงงานก้าวไกลยังอยู่และขับเคลื่อนต่อ เราจึงขอส่งไม้ต่อให้นายพิธา สร้างความเปลี่ยนแปลงแก่อนาคตของพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคนให้ก้าวหน้าก้าวไกล
ในขณะที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 600 บาท ว่า นโยบายขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เพราะส่งผลด้านบวกและด้านลบ โดยปกติ การขึ้นค่าจ้างเป็นสิ่งที่ผู้ใช้แรงงานต้องการเป็นพื้นฐาน ขณะที่ผู้ประกอบการมักจะมีความเห็นไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำที่กำหนดโดยคณะกรรมการค่าจ้างที่มี 3 ฝ่าย คือฝ่ายรัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง จะพิจารณาจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อเป็นหลัก รวมถึงอาจพิจารณาอัตราสมทบของแรงงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีด้วย
ทั้งนี้ หลักคิดของการขึ้นค่าจ้างควรพิจารณาจากรายได้ที่เพียงพอต่อการดูแลครอบครัว คือรวมคู่สมรสและบุตรอีก 1-2 คน จึงจะถือว่าคำนึงถึงการมีชีวิตที่พออยู่ได้ของแรงงาน อย่างไรก็ตาม การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำควรอยู่บนพื้นฐาน 3 ประการ คือ 1.ต้องบริหารราชการให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ มีอัตราการเจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2.ต้องพัฒนาศักยภาพของผู้ใช้แรงงานทุกระดับอย่างจริงจัง โดยเน้นพัฒนาทักษะที่ผู้ประกอบการต้องการโดยเฉพาะการทำหน้าที่ที่ใช้ฝีมือ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยทุกประเภท และ 3.ต้องขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง เพื่อทำให้นักธุรกิจ ผู้ประกอบการเอกชนไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะหรือจ่ายค่าหัวคิว เพื่อจะได้นำเงินดังกล่าวจ่ายเป็นค่าแรงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ถ้าสามารถดำเนินการบนพื้นฐานเหล่านี้จนเกิดผลสำเร็จได้ ก็จะทำให้เราปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้ผู้ใช้แรงงานได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายของทุกพรรคการเมืองที่อยากเห็นแรงงานไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น.