เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เรื่องขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ การนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2565 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ว่า ประชาชนสงสัยต่อประกาศฉบับนี้ที่มีเนื้อหาควบคุมข้อมูลในโลกโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะกรณีที่ถ้าหากกระทรวงดีอีเอสเห็นว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง รมว.ดีอีเอส มีอำนาจสั่งให้ลบข้อมูลได้ ภายใน 24 ชั่วโมง จึงทำให้เกิดข้อสงสัยถึงสิทธิเสรีภาพในการใช้พื้นที่ของประชาชน เพื่อใช้ตามล่าหาความจริง และบางครั้งพื้นที่เหล่านี้ก็ทำให้ปัญหาสังคมคลี่คลายลงได้
“ตามประกาศนี้รมว.ดีอีเอสมีอำนาจสั่งลบข้อมูลใดๆ ก็ได้ โดยไม่ต้องสอบถามความจริงใดๆก่อน ดังนั้นตนและพรรคก้าวไกลไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เพราะเป็นการเพิ่มเคี้ยวเล็บให้กับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ด้วย จึงจะเชิญ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงต่อคณะกมธ. ในวันที่ 22 ธ.ค.65” นายณัฐชา กล่าว
ทางด้าน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชัดเจนว่า รมว.ดีอีเอสส่วนใหญ่ใช้อำนาจรัฐควบคุมประชาชน เมื่อมีประกาศฉบับนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ามีการลักไก่และปิดปากประชาชนมากขึ้น เพราะสามารถลบข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ข้อมูลเท็จ และข้อมูลลามกอนาจาร ตามแฟลตฟอร์มต่างๆภายใน 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังไม่เปิดช่องให้เจ้าของข้อมูลชี้แจงโต้แย้งใดๆ ดังนั้นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล และต้องการวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา รมว.ดีอีเอสสามารถใช้อำนาจตามประกาศฉบับนี้ได้เลย ซึ่งเห็นว่าประกาศดังกล่าวอาจขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ข้อ 9 ของประกาศกระทรวงฯ มีความสุ่มเสี่ยงขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 เพราะได้รับรองสิทธิว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน แต่กลายเป็นว่าข้อ 9 ของประกาศนี้ระบุชัดเจนว่า ถ้าเจ้าของแฟลตฟอร์มไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ให้สันนิษฐานไว้ว่าแฟลตฟอร์มนั้นกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา 15.