เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วาระที่ 2 และ 3 เป็นวันที่สาม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการพิจารณางบประมาณ กระทรวงมหาดไทย ว่า ประเด็นหนึ่งที่ตนอยากพูด สิ่งที่ได้สงวนความเห็นคือเอกสารที่เราพูดกันในห้องประชุมกรรมาธิการฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการขอเอกสารและคลิปวิดีโอทั้งหมด เพื่อให้เห็นว่าการพิจารณางบประมาณเกี่ยวกับการอบรมสัมมนาควรมีเรื่องตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือการรั่วไหลซึ่งนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็นั่งอยู่ในที่นี้ เรื่องค่าอาหารเครื่องดื่มเวลาจัดอบรมสัมมนา มีการรั่วไหลมาก เพราะบางทีมีบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานสัมมนาไปขโมยอาหาร เครื่องดื่มกิน ไม่ใช่ระดับจังหวัด แม้แต่ในสภาก็ยังมี เวลาจะไปพูดถึงคนอื่นต้องรู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองก่อน

“เอกสารบันทึกการประชุมระบุว่า ที่ผมพูดเพราะเตือนว่าต้องมีความโปร่งใสในสภา ยังมีคนมาขโมยข้าวกินในสภา โดยเฉพาะในบริเวณชั้น 2 ที่เป็นเขตเซฟโซนที่สงวนให้สมาชิกสภาปัจจุบัน แต่ก็ยังมีคนหน้าคุ้นๆ ที่เป็นอดีตมานั่งกิน ซึ่งผมไม่อยากเอ่ยนาม แต่เป็นนักตรวจสอบที่ชอบตรวจสอบคนนั้นคนนี้ไปแอบกินข้าวหลวงในสภา ผมคิดไม่ถึงว่าจะมีการไปขโมยข้าวหลวงกิน วันนั้นไม่มีการประชุมกรรมาธิการคือวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมรัฐสภา ห้องนั้นมีเฉพาะสมาชิกรัฐสภา อดีตสมาชิก เขาไม่ให้เข้าไป คนนี้หน้าคุ้นๆ แต่ไม่อยากเอ่ยชื่อเอ่ยนาม เพราะจะเสียมารยาท เป็นนักตรวจสอบ บัตรไม่ใช่สีเหลืองเหมือนผม นี่จะเป็นการตรวจสอบงบประมาณซึ่งจะพันไปถึงงบของสภาผู้แทนราษฎร” นายเรืองไกร กล่าว

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีนี้พูดถึงกระทรวงมหาดไทย พูดถึงปลัดกระทรวงฯ และบอกว่าจะต้องให้กระทรวงมหาดไทยไปตรวจสอบผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ และถาม สตง. ว่ากระทรวงมหาดไทยมีการรั่วไหลเหมือนสภาหรือไม่ วันนี้เราพิจารณาตรวจสอบงบประมาณแผ่นดิน 3.10 ล้านล้านบาท มีความสง่างาม โปร่งใส ไม่ใช่เอากรรมาธิการที่ไม่มีความสง่าผ่าเผยมาตรวจสอบงบประมาณ ดังนั้นวันนี้ตนมาย้ำเตือนว่ากระทรวงมหาดไทยการตรวจสอบงบประมาณแผ่นดินมีรายการปรับลดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งคือค่าสัมมนา

ขณะที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า งบประมาณของกระทรวงมหาดไทยจำนวน 259,593,878,500 บาท ตนขอปรับลดลง 10% เพราะกระทรวงมหาดไทยดูแลผู้ว่าฯทั่วประเทศ โดยผู้ว่าฯ แบ่งเป็นการดูแลงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดตามมาตรา 28 แต่ผู้ว่าฯ กินเงินเดือนของสำนักปลัดมหาดไทย จากที่มี กมธ.งบประมาณฯ คนหนึ่งได้อภิปรายไปนั้น ตนไม่ได้อภิปรายเรื่องใครมาขโมยข้าวหลวงกินในมาตรานี้ เพราะเวลาจังหวัด กลุ่มจังหวัดนำงบประมาณไปทำแผนกลุ่มจังหวัด และแผนจังหวัดและแผนอำเภอ มีงบฝึกอบรมสัมมนาที่มีค่าอาหารและเครื่องดื่ม

ตนได้ขอให้ผู้ว่าฯ ตอบว่ามีการรั่วไหลของงบหรือไม่ มีบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับการสัมมนามาขโมยอาหารหลวงกินหรือไม่ และได้ยกตัวอย่างว่าในสภาที่มีห้องอาหารของสมาชิกรัฐสภา แต่มีบุคคลภายนอกแอบเข้ามากิน และคนนั้นก็เป็น กมธ.ด้วย ตนจึงฝากให้ทุกคนติดตามมาตรา 30 งบประมาณของหน่วยงานของรัฐสภา เพราะได้เตรียมรายละเอียดว่าคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรที่มาขโมยอาหารหลวงกินในสภา เพื่อให้เจ้าหน้าที่สภาระมัดระวังไว้และประธานต้องบอก รปภ.ว่า กมธ.ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.บุคคลภายนอกอาจขโมยของหลวงกลับไปด้วย

จากนั้น นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงประธานการประชุมว่า ขอให้ควบคุมการประชุมว่าให้อยู่ในประเด็น เพราะการพิจารณาไปอย่างล่าช้า เหตุเพราะนำเรื่องแค้นส่วนตัวมาใส่ในสภาฯ ทำให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้กล่าวเตือนนายยุทธพงศ์เป็นระยะๆ ว่าให้อภิปรายเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทย และไม่ให้พาดพิงถึงใคร หรือองค์กรอื่น อย่าไปแขวะคนโน่นคนนี้ ไม่เช่นนั้นตนจะไม่อนุญาตให้อภิปรายต่อ ทำให้นายยุทธพงศ์มีท่าทีเบาลงและอภิปรายงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยต่อ.