สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ว่ากระทรวงเศรษฐกิจของอัฟกานิสถานออกแถลงการณ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่านับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ในสังกัดองค์กรอิสระ ( เอ็นจีโอ ) ระหว่างประเทศทุกแห่ง ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในอัฟกานิสถาน “ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น” ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรชาวอัฟกันหรือชาวต่างชาติ


มาตรการดังกล่าว “มีผลบังคับใช้อย่างไม่มีกำหนด” โดยรัฐบาลตาลีบันให้เหตุผลว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่และองค์กรต้นสังกัด “ส่วนใหญ่” ปฏิเสธปฏิบัติตามกฎระเบียบการแต่งกาย “ตามหลักศาสนา” หน่วยงานที่ฝ่าฝืนจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต


ขณะที่นายรามิซ อาลัคบารอฟ รองผู้แทนพิเศษด้านการประสานงานกิจการมนุษยธรรมของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ประจำอัฟกานิสถาน กล่าวว่า แม้หน่วยงานทุกแห่งของสหประชาชาติ “ยังไม่ได้รับผลกระทบ” จากมาตรการนี้ แต่การดำเนินงานด้านมนุษยธรรมของหน่วยงานระหว่างประเทศทุกแห่งในอัฟกานิสถาน จะได้รับผลกระทบโดยปริยาย


อย่างไรก็ตาม ยูเอ็นจะหารือร่วมกับเอ็นจีโอทุกแห่งในอัฟกานิสถาน ก่อนหารือกับรัฐบาลตาลีบันในลำดับต่อไป ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตัน “มีความวิตกกังวลในระดับสูง” เนื่องจากเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ในอัฟกานิสถานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และจะร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกต่อไป


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลตาลีบันเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังกระทรวงอุดมศึกษาของอัฟกานิสถาน ห้ามสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชน ระงับการจัดการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาหญิง “ทันทีและอย่างไม่มีกำหนด” โดยให้เหตุผลเดียวกัน ว่านักศึกษาหญิงส่วนใหญ่ปฏิเสธการสวมฮิญาบ


ทั้งนี้ นับตั้งแต่หวนกลับคืนสู่อำนาจเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษ เมื่อเดือน ส.ค. 2564 การปกครองของกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานแทบไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากประชาคมโลก ซึ่งยืนกรานว่า หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญ คือการที่รัฐบาลตาลีบันต้องรักษาและยกระดับสิทธิของเด็กหญิงและผู้หญิงในอัฟกานิสถาน.

เครดิตภาพ : REUTERS