เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 27 ธ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษา ประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นคำร้องให้ กกต. ไต่สวนกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ้ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง ส่อฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 45 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนคุกคามความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่ และหากมีความผิดจริงโทษ คือยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง
“เหตุผลที่ผมต้องร้อง อุ๊งอิ๊งที่ไปหานายทักษิณที่ฮ่องกง เพราะอุ๊งอิ๊งเป็นคนหนึ่งในการบริหารพรรคเพื่อไทยไปแล้ว และขอ กกต. ตรวจสอบรูปภาพที่เขียนคำว่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งมี ส.ส. หลายคนบอกว่าเป็นลายมือของนายทักษิณนั้น จริงเท็จหรือไม่ขอให้ กกต. วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ผมไม่ได้บอกว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่บอกว่าการกระทำมันคาบเกี่ยว ดังนั้นเป็นหน้าที่ กกต. ที่ต้องพิจารณาวินิจฉัย” นายสนธิญา กล่าว
เมื่อถามว่า ในมุมมองของการร้องเรื่องนี้ หมายถึงการเดินทางไปหาพ่อของ น.ส.แพทองธาร เป็นเรื่องผิดศีลธรรมอันดีใช่หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า การเดินไปหาพ่อไม่ผิด แต่สถานะของนายทักษิณ ถูกออกหมายจับ ศาลสั่งจำคุก 10 ปี และเป็นผู้ต้องหาที่หนีคดี กกต. ต้องวินิจฉัย เรื่องก่อกวนคุกคามความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จะเข้าข่ายครอบงำหรือชี้นำพรรคหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า เท่าที่ตนดูยังไม่เข้าข่ายครอบงำ และชี้นำพรรครวมไทยสร้างชาติแต่อย่างใด และ กกต. เองก็ได้ออกมาระบุว่า การกระทำบางส่วนยังไม่ครอบงำ หรือชี้นำและ กกต. ได้ออกมาระบุว่า การกระทำบางส่วนยังไม่ครอบงำ หรือชี้นำพรรคการเมือง และส่วนตัวเชื่อ นายกรัฐมนตรีไม่ได้แปดเปื้อนในเรื่องการทุจริต คอร์รัปชั่น หรือโกงกิน.