เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ชี้แจงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 58 เพื่อเปิดเผยข้อมูลคำวินิจฉัยที่เสร็จสิ้นแล้ว ในคดีมันเส้นสำปะหลัง (จีทูจี) และข้าวจีทูจี ตามที่มีข่าวว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไปแล้ว โดยต้องมีการชี้แจงรายละเอียดเสียงข้างมากเสียงข้างน้อย เหตุผล และมติในคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าว

นายชาญชัย กล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 58 หาก ป.ป.ช. ชี้มูลผู้ใดว่าไม่มีมูลความผิด ต้องแจ้งกับผู้ถูกกล่าวหาว่าเขาไม่ได้มีความผิดภายใน 15 วัน หลังจากนั้น จะต้องแจ้งให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ขณะนี้ ตนอยากทราบข้อเท็จจริงว่าเหตุผลการวินิจฉัยในคดี มันเส้นสำปะหลัง (จีทูจี) และข้าวจีทูจี ที่มีผู้ถูกกล่าวหาบางคนไม่ผิดนั้น เพราะอะไร เพื่อไม่ให้การตีความก่อให้เกิดความสับสนทั้งสองฝ่าย เพราะผู้ถูกกล่าวหาบางคนมีการยกคำร้อง ผู้ถูกกล่าวหาบางคนมีความผิด ซึ่งมีลักษณะที่เหมือนการกระทำความผิดอยู่ที่ตัวผู้บังคับบัญชา หรือคนเซ็นที่มีอำนาจ แต่กลับไม่ผิด แต่คนที่ไม่มีอำนาจกลับเป็นคนที่รับความผิดแทน ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนกับระบบตรวจสอบ
ดังนั้น ป.ป.ช. ที่ถือเป็นหลักในการตรวจสอบทุจริต ควรต้องทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส เพื่อให้สังคมสับสน แตกแยก นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ที่เสียหาย อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยการใช้กฎหมายแล้วไม่เป็นข้อยุติ ถ้าจะใช้กฎหมายต้องเป็นที่ยุติและเป็นธรรม สังคมถึงจะอยู่ด้วยกันได้ เรื่องนี้หากยิ่งช้าจะยิ่งทำให้เกิดความสับสน และจะทำให้ปัญหาตามมาอีกหลายเรื่อง
เมื่อถามว่าหาก ป.ป.ช. ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลคำวินิจฉัยดังกล่าว จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายชาญชัย กล่าวว่า โดยบทบัญญัติตามกฎหมาย ป.ป.ช. มีโทษตามกฎหมาย หากไม่ทำก็คือมีโทษ และโทษ 2 เท่า จากความผิดตามปกติ เพราะเป็นเรื่องไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย.