สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ว่า พรรคลิคุดซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลชุดใหม่ของอิสราเอล เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ โดยระบุว่า หนึ่งในวาระสำคัญคือ “การเดินหน้าและพัฒนาโครงการนิคมที่อยู่อาศัยของชาวยิว “บนดินแดนที่เป็นของอิสราเอล” รวมถึง “ยูเดียและสะมาเรีย” ซึ่งเป็นชื่อของเขตเวสต์แบงก์ ตามที่ระบุอยู่ในพระคัมภีร์


นับตั้งแต่อิสราเอลยึดครองพื้นที่ดังกล่าว ร่วมกับฉนวนกาซา และฝั่งตะวันออกของนครเยรูซาเลม หลังชนะสงครามหกวัน เมื่อปี 2510 รัฐบาลเทลอาวีฟทุกสมัยสานต่อแผนการขยายอาณาเขตนิคมชาวยิว ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 500,000 คน ตรงข้ามกับชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ราว 2.5 ล้านคน ซึ่งต้องดำเนินชีวิตภายใต้การควบคุมโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของอิสราเอล


อนึ่ง นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ ว่า รัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลอิสราเอลชุดใหม่ เพื่อสานต่อและยกระดับความสัมพันธ์ และเน้นย้ำว่า ความสนับสนุนด้านความมั่นคงของสหรัฐที่มอบให้แก่อิสราเอล ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตาม บลิงเคนยืนยันว่า สหรัฐยังคงยึดมั่นการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ บนแนวทางสองรัฐ และคัดค้านการสร้างนิคมที่อยู่อาศัยเพื่อขยายอาณาเขตฝ่ายเดียว โดยเฉพาะที่เขตเวสต์แบงก์ การปรับเปลี่ยนสถานะของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในนครเยรูซาเลม การทำลายชุมชนและการขับไล่ผู้อยู่อาศัย และ “การกระตุ้นความรุนแรง”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES