สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ว่า พรรคลิคุดซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลชุดใหม่ของอิสราเอล เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ โดยระบุว่า หนึ่งในวาระสำคัญคือ “การเดินหน้าและพัฒนาโครงการนิคมที่อยู่อาศัยของชาวยิว “บนดินแดนที่เป็นของอิสราเอล” รวมถึง “ยูเดียและสะมาเรีย” ซึ่งเป็นชื่อของเขตเวสต์แบงก์ ตามที่ระบุอยู่ในพระคัมภีร์
นับตั้งแต่อิสราเอลยึดครองพื้นที่ดังกล่าว ร่วมกับฉนวนกาซา และฝั่งตะวันออกของนครเยรูซาเลม หลังชนะสงครามหกวัน เมื่อปี 2510 รัฐบาลเทลอาวีฟทุกสมัยสานต่อแผนการขยายอาณาเขตนิคมชาวยิว ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 500,000 คน ตรงข้ามกับชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ราว 2.5 ล้านคน ซึ่งต้องดำเนินชีวิตภายใต้การควบคุมโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของอิสราเอล
Benjamin Netanyahu’s incoming hardline Israeli gov’t says settlement expansion in the occupied West Bank at the top of its list of priorities.
— Al Jazeera English (@AJEnglish) December 29, 2022
????: https://t.co/TyYtaOcWHD pic.twitter.com/L9lXuikXXI
อนึ่ง นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ ว่า รัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลอิสราเอลชุดใหม่ เพื่อสานต่อและยกระดับความสัมพันธ์ และเน้นย้ำว่า ความสนับสนุนด้านความมั่นคงของสหรัฐที่มอบให้แก่อิสราเอล ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
Tear gas fumes hang in the air at the Qalandia checkpoint, south of Ramallah in the occupied West Bank, as Israeli soldiers clash with demonstrators demanding the return of the bodies of Palestinians being held by Israel. #Palestine #HumanRights pic.twitter.com/Zdye7ZaGm2
— AJhumanrights (@AJHumanRightsEN) December 28, 2022
อย่างไรก็ตาม บลิงเคนยืนยันว่า สหรัฐยังคงยึดมั่นการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ บนแนวทางสองรัฐ และคัดค้านการสร้างนิคมที่อยู่อาศัยเพื่อขยายอาณาเขตฝ่ายเดียว โดยเฉพาะที่เขตเวสต์แบงก์ การปรับเปลี่ยนสถานะของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในนครเยรูซาเลม การทำลายชุมชนและการขับไล่ผู้อยู่อาศัย และ “การกระตุ้นความรุนแรง”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES