สืบเนื่องจากกรณีปรากฏข่าว อดีตผู้ต้องขังก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคาร จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นเหตุการณ์ขณะที่เด็กนักเรียนกำลังลงจากรถรับส่งนักเรียน เพื่อไปเข้าแถวเคารพธงชาติ สำหรับพฤติการณ์ ผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยายนต์ติดตามรถรับส่งมาตลอดทาง แต่เมื่อรถรับส่งมาถึงหน้าโรงเรียน ขณะที่เด็กนักเรียนกำลังจะลงรถ ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้รีบจอดรถจักรยานยนต์ตัวเอง แล้ววิ่งขึ้นไปบนรถรับส่งนักเรียน และจับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 รายดังกล่าว ก่อนก่อเหตุสลดจ้วงแทง จนเป็นเหตุให้นักเรียนหญิงรายนี้เสียชีวิตนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของผู้ก่อเหตุดังกล่าวพบว่า เป็นอดีตผู้ต้องขังที่ปล่อยตัวพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด และเมื่อตรวจสอบทะเบียนประวัติ พบว่าเคยกระทำผิดครั้งแรกในคดีทำร้ายร่างกาย ครั้งที่สองในคดีทำร้ายร่างกาย ครั้งที่สามในคดีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงจัดอยู่ชั้นต้องปรับปรุงมาก และได้จำคุกครบตามหมายศาลเป็นระยะเวลา 8 เดือน และพ้นโทษเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 65
ด่วน! ‘หนุ่มคลั่ง’ ไล่แทงนร.หญิง ม.2 เสียชีวิตหน้าโรงเรียน ไม่วายขู่ ‘ฆ่ายกครัว’
โฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยอีกว่า เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้ตรวจสอบข้อมูลด้านการประเมินสุขภาพจิต (แบบประเมินของกระทรวงสาธารณสุข) จากสถานพยาบาลของเรือนจำ พบประวัติเคยใช้สารเสพติดมาก่อน แต่ขณะที่ถูกควบคุมอยู่ภายในเรือนจำนั้น ผู้ต้องขังไม่ได้มีพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นว่ามีอาการทางจิต อีกทั้งทางเรือนจำยังได้ประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบว่ามีความผิดปกติ ก่อนปล่อยตัว และไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่ม Watchlist เนื่องจากการกระทำผิดที่ผ่านมา เป็นคดีที่ไม่เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง หรือ กฎหมาย JSOC ดังนั้น เมื่อกรมราชทัณฑ์ได้จำคุกครบตามกำหนดโทษแล้ว จึงไม่มีอำนาจในการควบคุมตัวไว้ได้อีกต่อไป และกรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต
โฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยต่อว่า กรมราชทัณฑ์ได้เน้นย้ำในมาตรการตรวจคัดกรองสภาวะสุขภาพจิตของผู้ต้องขังและคัดกรองการติดยาเสพติด รวมถึงคัดกรองผู้ต้องขังที่เสพสุราและมีภาวะถอนพิษสุราแบบรุนแรงทุกราย และขณะนี้พร้อมขับเคลื่อนกฎหมาย JSOC ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้ผลักดันจนสำเร็จ เพื่อกลั่นกรองผู้ต้องขังที่จัดอยู่ใน Watchlist ซึ่งเมื่อพ้นโทษแล้ว ต้องติดกำไลอีเอ็มหลังพ้นโทษ เพื่อป้องกันสังคมจากบุคคลอันตรายเหล่านี้ให้ได้.