เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 9 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาทำกิจกรรม จุดเทียนแถลงข่าวบริเวณด้านหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อทวงถามนายกฯ ถึงการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ตามที่ประกาศไว้เมื่อมาเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะการตรวจสอบเรื่องทุจริตโยงกลุ่มทุนจีนสีเทา และมีเครือญาติของนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจรถเช่าด้วยหรือไม่ เมื่อช่วงเวลา 18.20 น. ที่ผ่านมา

จากนั้น เวลา 20.18 น. หลังจากที่พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดกิจกรรม “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” เปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญนายชูวิทย์ เข้าพบนายกฯ ภายในห้องรับรอง เพื่อพูดคุยถึงปัญหา ก่อนเวลา 20.28 น. นายกฯ เดินทางกลับ ได้กล่าวสั้นๆ เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการพบกับนายชูวิทย์ ว่า “ก็คุยกันแล้ว ไม่มีอะไร”

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า จะไปลงพื้นที่หาเสียงหรือไม่ และลงพื้นที่มากกว่าเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พยักหน้าและชูนิ้วโป้ง เมื่อถามว่าต่อว่า นายกฯ จะขึ้นเวทีดีเบตหรือไม่ นายกฯ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว

ต่อมานายชูวิทย์ เปิดเผยหลังพบ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า นายกรัฐมนตรีรับปาก ยืนยันในฐานะชายชาติทหาร จะจัดการปัญหาทุนจีนสีเทา และกรณีที่มีชื่อหลานชายเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับตู้ห่าว แต่ทุกอย่างมีขั้นตอนในการดำเนินการ และการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ตนได้ชี้แจง แสดงว่าเป็นคนใจถึง ยอมฟังเสียงประชาชน ซึ่งตนต้องให้เวลานายกฯ จัดการปัญหาตามระบบราชการ ยืนยันนายกฯ ไม่ได้มากล่อมอะไร โดย พล.อ.ประยุทธ์ ขอเวลา เช่น ไม่สามารถไปย้ายใครได้ทันที ไม่ใช่พูดปุ๊บย้ายปั๊บเพราะมีขั้นตอนและกระบวนการ ซึ่งวันนี้ตนได้ยินจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว วันนี้จึงถือว่าพอแล้ว และตนได้รับปากนายกฯ ไปแล้ว แต่เรื่องการตรวจสอบขุดคุ้ยทุนจีนสีเทา จะขอดำเนินการต่อ แต่ไม่มาเรียกร้องให้นายกฯ ดำเนินการอะไรต่อ เพราะได้รับปากตนไว้แล้ว

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ตอบข้อสงสัย กรณีที่มีชื่อหลานชายเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับตู้ห่าว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ขอเวลาไปดำเนินการตรวจสอบก่อน และยังบอกด้วยว่า ไม่รู้เรื่องดังกล่าว และบอกให้ตนพอได้แล้ว ซึ่งตนก็รับปากจะพอแล้ว เพราะถือว่าการพูดคุยวันนี้แฮปปี้เอนดิ้ง และย้ำว่า การพูดคุยกับนายกฯ วันนี้ ประมาณ 10 นาที ไม่ใช่เรียกไปกล่อม ทั้งนี้ ส่วนตัวพอใจกับคำตอบของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นชายชาติทหาร ยืนยันไม่มีการเกี๊ยะเซี๊ยะกับนายกฯ แต่เป็นการพูดคุยกันในฐานะผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ ซึ่งนายกฯ บอก หากมีหลักฐานสามารถเอาผิดได้ ก็จะฟันไม่ยั้ง

นายชูวิทย์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีก ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะวันนี้เป็นนักการเมืองแล้ว และย้ำว่า การพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ ไม่เสียเที่ยวแน่นอน.