เมื่อวันที่ 22 ส.ค. เวลา 13.30 น. ที่เดอะแคปปิตอล ราชปรารภ-ดินแดง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ. การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมด้วย นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และตัวแทนองค์การนักศึกษา 19 มหาวิทยาลัย เข้าร่วมสังเกตการณ์และลงพื้นที่ย่านดินแดงเพื่อตรวจเยี่ยมประชาชน หาหลักฐานและดูร่องรอยความเสียหาย จากปัญหาการปะทะกันจากเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนและผู้ชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง

โดยนายสิระ กล่าวว่า วันนี้จะเป็นการลงพื้นที่เพื่อดูทุกมุมมอง ดูข้อมูลให้ครบทุกด้าน ก่อนจะประชุมสรุปความเห็นและข้อแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาและดูแลผู้บริสุทธิ์ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ จากนั้นวันที่ 25 ส.ค. จึงจะมีการประชุมอีกครั้งหนึ่ง โดยจะจัดประชุมร่วมกันของ กมธ.ทั้งสองคณะ โดยจะเชิญ กสม.เข้าร่วม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ขอเน้นว่า ผบ.ตร.ต้องมา หากผบ.ตร.ไม่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว กมธ.ทั้งสองคณะจะไปจัดประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพร้อมเชิญผู้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาร่วมพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้จะบอกว่าใครถูกใครผิดต้องให้ข้อมูลครบถ้วนทุกด้านก่อน เพราะมีการใช้ความรุนแรงจากทั้งตำรวจและผู้ร่วมชุมนุม ทำความเสียหายทั้งสองฝ่ายทำให้ประชาชนที่พักอาศัยและสัญจรผ่านโดนละเมิดไปด้วย จึงต้องสอบถามว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหลักสากลหรือไม่

ขณะเดียวกันก็อยากเรียกร้องไปยังผู้ชุมนุมช่วยคัดกรองแยกแยะคนที่ชอบใช้ความรุนแรงออกจากกลุ่ม และเวลาจัดชุมนุมก็ขอให้ตรวจค้นอาวุธด้วย เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมา จึงอยากเห็นผู้ชุมนุมคนรุ่นใหม่ช่วยกันคัดกรอง เพื่อยืนยันกับสังคมว่าการชุมนุมไม่มีอาวุธและไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อเรียกร้องได้ตามสิทธิ และของเรียกร้องผู้ชุมนุมและผู้ปกครองว่าตอนนี้เรามีสภาผู้แทนราษฎร หากต้องการความเปลี่ยนแปลงควรใช้ช่องทางสภา ไม่ควรพกพาอาวุธมาชุมนุม หรือใช้ความรุนแรง หากอยากเปลี่ยนตัวนายกฯ ก็ควรเอาข้อมูลที่นายกฯมีความไม่เหมาะสม มีการทุจริตอะไรบ้าง ฝาก ส.ส.ไปอภิปรายในสภาฯ เป็นช่องทางที่ดีที่สุด

นายสิระ กล่าวอีกว่า กมธ.ได้เสนอแนะเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ย้ายตู้คอนเทเนอร์ไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม ไม่ให้ใกล้ชุมนุม ไม่ให้มีการยั่วยุและปะทะกัน ปรับแนวทางปฏิบัติ รวมทั้งทบทวนการปรับแนวทางปฏิบัติว่าปรับแล้วเกิดผลดีหรือผลเสียตรงไหน และต้องปรับไปเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อวานเป็นการปรับวันแรก หลังจากนี้ก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติประเมินต่อไปว่าจะปรับไปอย่างไรเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับผู้บริสุทธิ์ทั้งผู้อยู่อาศัยและผู้สัญจร

นายณัฐชา กล่าวว่า จากการเดินสำรวจบริเวณแฟลตดินแดง 1-4 มีชาวบ้านให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น ระหว่างการสลายการชุมนุมและความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนแถบนั้นเดือดร้อนมาก โดยสิ่งที่พบเห็นในบริเวณแฟลตดินแดง คือ ปลอกกระสุนยาง และกระบอกแก๊สน้ำตา ที่ถูกยิงไปตกหน้าบ้านประชาชน ทำให้ได้รับผลกระทบจนอยู่ในบ้านไม่ได้ และเมื่อออกมานอกบ้านตำรวจก็ไล่ให้เข้าไปในบ้านเพราะหากออกนอกบ้านจะถือเป็นผู้ร่วมชุมนุม หรือเหตุการณ์เมื่อวานไม่มีการนัดชุมนุม แต่ก็มีการนัดปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และคนบางกลุ่ม

ดังนั้นวันนี้จึงต้องมาแสวงหาความจริงว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นรุนแรงมากน้อยแค่ไหน โดยจากการลงพื้นที่พบว่า แฟลต 1-8 ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากในการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะทำความจริงให้ปรากฏต่อประชาชนทุกมติ ทั้งนี้ หากความจริงปรากฏหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะต้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และควรมีการชี้แจงกระบวนการขั้นตอนการสลายการชุมนุมต่อประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นอกเหนือจากการใช้ความรุนแรงคือข้อเรียกร้องและการออกมาต่อสู้ของเยาวชน เนื่องจากบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาด แต่กลับต้องเจอกระสุนยางและแก๊สน้ำตา จึงต้องตั้งคำถามว่าความรุนแรงที่เกิดหลังประกาศยุติการชุมนุมนั้นความรุนแรงเกิดจากฝั่งไหน

นายวสันต์ กล่าวว่า กสม.ได้ร่วมหารือกับ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน และได้ร่วมลงพื้นที่ชุมนชนดินแดง เพื่อติดตามดูสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนย่านดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ผ่านมา และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ซึ่งบทบาทหน้าที่ของกสม.พิจารณาในเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีทั้งในส่วนผู้ชุมนุม เรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก หรือในส่วนเจ้าหน้าที่ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำด้วย บางท่านได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งในส่วนของชุมนุมที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งถือว่าถูกละเมิดสิทธิเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ กสม.ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการชุมนุม ตั้งแต่ ก.ค. จนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะแสวงข้อเท็จจริงและเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหาปกป้องสิทธิมนุษยชนกับทุกฝ่าย เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป โดยสิ่งที่เรากังวลคือเรื่องความรุนแรงซึ่งเราได้เสนว่าอยากเห็นผู้ชุมนุม ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และอยากเห็นเจ้าหนี้ท่ปฏิบัติตามหลักสากล ค่อยเป็นค่อยไปและได้สัดส่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างกมธ.ทั้งสองคณะ ลงพื้นที่สอบถามประชาชนและพ่อค้าแม่ค้า บริเวณแฟลตดินแดง ได้รับคำตอบว่า ช่วงที่มีการใช้แก๊สน้ำตามีผลกระทบมาก เป็นการสลายชุมนุมหนักเกิน และมีการใช้แก๊สน้ำตาแรงมากขึ้น แม้จะมีเจ้าหน้าที่ประกาศเป็นบางช่วง เพื่อตักเตือนผู้ชุมนุมให้สลายตัว ก่อนจะมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง แต่เห็นว่าเจ้าหน้าที่ควรเจรจากับผู้ชุมนุมก่อน อย่าเพิ่งยิงแก๊สน้ำตา เพราะเชื่อว่าสามารถเจรจากันได้ แต่หากยิงแก๊สน้ำตา เพื่อสลายการชุมนุมเลยก็จะทำให้คนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบ.