เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 ม.ค. ที่ รร.โพธิสารพิทยากร เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ​ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Kick off โครงการ 1 โรงเรียน​ 1 ครูอนามัย สร้างเด็กไทยรอบรู้สุขภาพ​ โดยมี น.ส.ตรีนุช​ เทียนทอง​ รมว.ศึกษาธิการ​ พล.อ.อนุพงษ์ เ​ผ่าจินดา​ รมว.มหาดไทย​ นายจุติ​ ไกรฤกษ์​ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์​ นายสาธิต​ ปิตุเตชะ ​รมช.สาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ถือเป็นอีกวันที่นายกฯ มีความสุข รัฐมนตรี และส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้านการศึกษาก็มีความสุข ดีใจที่ได้มาในวันนี้ ซึ่งมีความก้าวหน้าอีกระดับ วันนี้เราต้องให้ความสำคัญสุขภาพจิตด้วย จิตดีกายก็ดีทำอะไรก็ดีไปหมด นอกจากนี้ นายกฯ ขอฝากไว้ทำอย่างไรนึกถึงตัวเองและคนอื่นด้วยสังคมก็จะดีขึ้น และเดินหน้าสู่ความมีเสถียรภาพ ความมั่นคงในวันหน้า ทั้งนี้ตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าโลกของเราวันนี้ไม่ใช่โลกใบเดิมอีกต่อไป ทั้งความมีเสถียรภาพ ความมั่นคง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ หลายอย่างเปลี่ยนไปต้องเตรียมความพร้อมคนของเราเพื่อช่วยนำพาประเทศชาติ

ปีนี้ได้มอบคำขวัญวันเด็กว่า “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี” ซึ่งตนพยายามเขียนให้ง่ายที่สุด ต้องไปแปลความด้วยว่าความหมายคืออะไร คำง่ายๆ รู้หน้าที่ หน้าที่อยู่ตรงไหน มีวินัยคืออะไร ใฝ่ความดี เพื่อไปสู่อนาคตที่มั่นคงของเราต่อไป โดยคาดหวังเด็กและเยาวชนตระหนัก รู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองและหวังครู อาจารย์และผู้ปกครอง ร่วมปลูกฝังที่สิ่งดี เพื่อสร้างเกราะคุ้มกันให้เดินสู่ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างปลอดภัย ด้วยการปลูกฝังทัศนคติ ซึ่งมีทั้งทัศนคติดีและทัศนคติไม่ดีคู่กันต้องดูว่าอันไหนได้ประโยชน์ สิ่งดีๆ ทำให้เรามีความสุขและต้องชื่นชมคนอื่นเขาบ้างและทำสิ่งที่ดี ดังนั้นต้องมีเกราะคุ้มกันให้ลูกหลานของเรา วันนี้มีทั้งวิกฤติและโอกาส จึงอยากให้ทุกคนได้เรียนรู้และสร้างกระบวนการคิดขึ้นมา สุขภาพใจดี กายก็ดี วันนี้เราอยู่คนเดียว ประเทศเดียวไม่ได้อีกแล้ว

ขณะเดียวกันสถานการณ์ของประเทศและเศรษฐกิจต่างๆ ในวันนี้ผันผวนไปหมด ทั้งผู้ใหญ่และเด็กได้รับผลกระทบทั้งหมด ซึ่งผู้ใหญ่อาจมีประสบการณ์และมีภูมิคุ้มกันที่มากกว่า พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า แต่เราต้องอย่าด้อยค่าเด็ก ดังนั้น วันนี้การเรียนไม่ใช่เพื่อการสอนอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนาสติปัญญาและสมองของเรา ถ้าเราไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอ ไม่พร้อมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้อนาคตมีปัญหาอยู่ร่วมกับคนอื่นลำบาก เราต้องรวมกันให้ได้

วันนี้เห็นบรรยากาศมีแล้วมีความสุข เด็กๆ น่ารักทุกคน ไม่เหมือนตอนเราเด็กๆ ถือเป็นการพัฒนา อย่างที่บอก ว่าที่ผ่านมาเราใช้เวลาหลายปีกว่ามาถึงวันนี้ และเรากำลังทำเพื่ออนาคตของทุกคน ดังนั้นต้องร่วมมือกันในวันนี้ และต้องร่วมกันสร้างหัวใจของความเข้มแข็งไปด้วยกัน ประเทศชาติถึงเดินไปข้างหน้าได้ เพื่อสานต่ออดีตกาลและประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาต้องเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ที่ดีงามสานต่อ อะไรไม่ดีก็อย่าทำอีก ซึ่งตนไม่ได้ปลูกฝังอะไรทั้งสิ้น แต่อยากให้ซึมซับไว้ในหัวใจของเราทุกคน หัวใจของความเป็นคนไทยว่าเราจะรักษาชาติบ้านเมืองต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่าถ้าให้ตนพูดก็พูดได้ทุกวัน เวลาพูดแล้วพูดยาวเพราะว่าทำมาหลายอย่าง หลายด้าน 20 กว่ากระทรวง ทั้งข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำท้องถิ่น ภูมิภาคก็ทำงานไปด้วยกัน บนนโยบายของรัฐบาล คือขับเคลื่อนไปด้วยกัน ดังนั้นต้องเข้าใจตรงนี้ ถ้าไม่ช่วยกันทุกอย่างก็จะติดขัด ดังนั้น นายกฯ จะพยามที่จะบริหารตรงนี้ให้ได้ ข้ามหน่วยงานข้ามกระทรวง เพราะนายกฯมีอำนาจในการบริหารงาน แต่คงต้องติดตามหากมีข้อร้องเรียน หรือมีปัญหาก็ต้องสืบสวนสอบสวนต่อ นายกฯ มีอำนาจที่ไม่ได้เหมือนกับหลายคนอยากให้เป็น เราอยู่ด้วยกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ จึงเชื่อมั่นว่าเราทุกคนจะช่วยกันได้ 

ทั้งนี้ หลังเปิดงานนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการ 4 ฐาน คือ 1.นาทีชีวิต ทำ CPR ซึ่งนายกฯ ได้ทดลองทำ สาธิตและร่วมทดลองการวิธีการปั๊มหัวใจ พร้อมกล่าวชื่นชมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ว่า “การทำอย่างนี้นอกจากได้ช่วยคนยังถือว่าได้ออกกำลังกายอีกด้วย” และขอให้นักเรียนทำด้วยความมั่นใจแล้วเราจะได้กุศล ฐานที่ 2.คือ ฐานคัดกรองสุขภาพจิตและสารเสพติด ซึ่งนายกฯ ร่วมกิจกรรมคีบตุ๊กตา ได้ตุ๊กตาหมีสีขาว ส่วนฐาน 3.ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และฐาน 4.ตรวจเต้านม นายกเดิมชม และชมว่าเก่งมาก

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าในการเปิดงานวันนี้ นายกฯ สงวนท่าที ไม่ปล่อยมุกเหมือนที่ผ่านมา คาดว่ากลัวเกิดดราม่าหลังเปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ.