รายงานจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้าชุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตนเอง (เอทีเค) ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้จัดส่งข้อมูลต้นทุน และราคาขายในท้องตลาดมาให้กรมพิจารณาแล้ว 9 ยี่ห้อ จากทั้งหมด 34 ยี่ห้อ โดยพบว่ามีราคาต้นทุนการนำเข้าแบบซีไอเอฟ รวมค่าสินค้า รวมค่าประกัน และค่าขนส่งแล้ว ชิ้นละ 124-277 บาท แต่มีราคาขายปลีกถึงมือประชาชนสูงถึงชิ้นละ 219.35-425 บาท ซึ่งถือว่ามีส่วนต่างกำไรสูงถึง 72-198 บาทต่อชิ้นเลยทีเดียว อีกทั้งผู้นำเข้าแจ้งว่าขณะนี้หลายประเทศมีการสั่งซื้อชุดตรวจเอทีเคในปริมาณมาก ทำให้ราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้นอีก
ทั้งนี้ เมื่อเจาะลึกลงรายละเอียดของผู้นำเข้าแต่ละราย พบว่ามีการบวกกำไรจนถึงปลายทางสูงขึ้นอย่างมาก เช่น รายที่ 1 นำเข้าจากเกาหลีใต้ แจ้งต้นทุนซีไอเอฟชิ้นละ 211.86 บาท ต้นทุนรวมค่าใช้จ่ายต่างๆ 264.83 บาท ขายส่ง 300 บาท ขายปลีก 350 บาท มีส่วนต่างกำไรของราคาขายปลีกกับต้นทุนรวม 85.17 บาท รายที่ 2 นำเข้าจากเกาหลีใต้ ต้นทุนซีไอเอฟชิ้นละ 157.29 บาท ต้นทุนรวม 186 บาท ขายส่ง 200 บาท ขายปลีก 280-320 บาท ส่วนต่างกำไร 94-134 บาท รายที่ 3 นำเข้าจากจีน ต้นทุนซีไอเอฟชิ้นละ 89.88 บาท ต้นทุนรวม 124.74 บาท ขายส่ง 179.63 บาท ขายปลีก 321 บาท ส่วนต่าง 196.26 บาท
ส่วนรายที่ 4 นำเข้าจากจีน ต้นทุนซีไอเอฟชิ้นละ 70 บาท ขายส่ง 100-130 บาท ขายปลีก 290 บาท, รายที่ 5 นำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ ต้นทุนซีไอเอฟชิ้นละ 221.71 บาท ต้นทุนรวม 277.14 บาท ขายส่ง 300 บาท ขายปลีก 350 บาท ส่วนต่าง 72.86 บาท, รายที่ 6 นำเข้าจากเกาหลีใต้ ต้นทุนซีไอเอฟ 194.47 บาท ต้นทุนรวม 226.61 ขายส่ง 305.54 บาท ขายปลีก 425 บาท ส่วนต่าง 198.39 บาท รายที่ 7 นำเข้าจากจีน ต้นทุนซีไอเอฟ 40.60 บาท ต้นทุนรวม 99 บาท ขายส่ง 165 บาท ขายปลีก 219.35 บาท ส่วนต่าง 120.35 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตามมาตรการกำกับดูแลเอทีเคเพิ่มเติมนั้น คณะอนุกรรมการที่มีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์ และกำหนดมาตรการกำกับดูแลการจำหน่ายให้เหมาะสม และเป็นธรรมกับผู้บริโภค ซึ่งเมื่อหามาตรการกำกับดูแลได้แล้ว จะเสนอให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธานพิจารณาต่อไป