การเมืองไม่มีมิตรแท้ หรือศัตรูถาวรยังใช้ได้เสมอทุกยุค ทุกสมัย เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับ “ผลประโยชน์” ที่ตัวเองจะได้รับอยู่ตรงหน้าเท่านั้น สิ่งที่พิสูจน์ชัดเจนที่สุดในเวลานี้  หนีไม่พ้นเกมเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บรรดา “พรรคใหญ่” รวมหัวกัน“ลอยแพ” บางพรรคการเมือง ซึ่งหมายถึง “พรรคก้าวไกล” ในเครือข่ายของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”ประธานคณะก้าวหน้า ที่กำลังจะได้รับผลกระทบมากที่สุด หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแก้ไขได้สำเร็จ

ล่าสุดรัฐสภาเตรียมประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 และวาระ 3  ที่ผ่านการแก้ไขเรียบร้อยแล้วจากคณะกรรมาธิการที่มี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน ในวันที่ 24-25 ส.ค.นี้ ซึ่งสาระสำคัญหลักๆ คือ การตัดระบบไพร์มารี่โหวตทิ้ง มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ  ให้มี ส.ส.เขต 400 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100  คน และให้มีการนับคะแนนแบบใหม่ คือ คะแนน ส.ส.เขตไม่ต้องนำไปรวมกับคะแนนพรรค  หรือยกตัวอย่าง มีคนมาใช้สิทธิ์ 30 ล้านคน ก็เท่ากับ คะแนน 300,000 คะแนน จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน  

นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการ “ฆ่าพรรคการเมืองเล็ก”ไปทันที พรรคไหนที่ใช้ยุทธวิธี “แตกแบงก์พัน” จะไม่ได้ประโยชน์ มันตรงกันข้ามกับรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ที่ให้โอกาสพรรคเล็ก เพราะทุกคะแนนมีค่าไม่มีทิ้งน้ำ ซึ่งก็เท่ากับว่าพรรคการเมืองได้เปรียบเหมือนในอดีต เท่ากับว่าพรรค “พลังประชารัฐ” และพรรค “เพื่อไทย” จะได้เปรียบในการเลือกตั้งใหม่ โดยจะทำให้มีรัฐบาลผสมเพียงไม่กี่พรรค จากเดิมที่รัฐบาลผสมปัจจุบันมี 19 พรรคการเมือง

ดังนั้น อย่าแปลกใจที่พรรค “ก้าวไกล” ถึงกับต้อง “ดิ้นพล่าน” ออกมาโวยวายประจานออกสื่อ เพราะหากมีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งให้กับไปใช้ “บัตรเลือกตั้งสองใบ” แบบเดิม นั่นเท่ากับว่า เสี่ยงที่พรรคก้าวไกล “สูญพันธุ์”  บรรดานักการเมืองที่คิดจะออกมาตั้งพรรคเอา ส.ส. 5-10 คน เพื่อหวังจะไปร่วมรัฐบาล จะไม่ได้ประโยชน์จากร่างของ พปชร. 

แน่นอนว่าช็อตรื้อรัฐธรรมนูญเผยให้เห็นเกมฮั้ว “ทีมดูไบ”กับค่าย “พปชร.” เล่นบท “เอื้ออาทร”ล็อกบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ บอนไซทีม “ธนาธร” อาการฝ่ายค้านแตกคอ แนวโน้มต่อยังไงก็ไม่ติด อาการแตกหักระหว่างคน “เพื่อไทย”กับทีม “ก้าวไกล” ไหลตามเหลี่ยมบี้กันแย่งส่วนแบ่งตลาด ลำพังทำงานบาดหมางไม่สนิทใจเรื่อยมา  เพราะต้องแย่งคะแนนจากฐานเสียงประชาชนคนไม่เอา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เหมือนกัน ดูท่ารอยร้าวในฝ่ายค้านจะสาหัสกว่าในพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ

พรรค “ฝ่ายค้าน”โซ้ยกันมันส์หยดพรรค “ส้มหวาน” โดนตอกคืนเจ็บจี๊ดทุกช็อต สมการการเมืองยามนี้ ดูแล้วไม่ต่างกับฟางเส้นสุดท้าย ที่กำลังส่งสัญญาณ “แยกกันเดิน-ตีกันเอง”อย่างที่บอกว่า “ไม่มีมิตรแท้” มีแต่ “ผลประโยชน์” เมื่อถึงเวลาสถานการณ์เปลี่ยนก็ต้อง “ลอยแพ” เป็นธรรมดา “เพื่อไทย”มั่นใจว่าตัวเองได้เปรียบหากใช้ระบบ “บัตรสองใบ”เหมือนในอดีต พรรค“พลังประชารัฐ” ก็มี “กระสุนพร้อม”

จากนี้ไปคงต้องจับตาเกมแก้รัฐธรรมนูญให้ดี ขั้ว”ฝ่ายค้าน”ไม่รู้จะประนีประนอมกันต่อได้นานแค่ไหน หลังอาการผิดใจกำเริบหนัก สุดท้ายจะเลือกเดินไปทางไหน หรือจะเดินทางใครทางมัน เพราะเมื่อกติกาที่พรรค “พปชร.”ต้องการเสร็จสิ้น “นายกฯ”อาจจะตัดสินใจยุบสภา เพื่อไปเลือกตั้งใหม่ทันทีใช่หรือไม่คงต้องติดตาม.