เมื่อวันที่ 20​ ม.ค.​ ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี​นายสุทธิพงษ์​ จุลเจริญ​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) เป็นประธานการประชุมติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย​ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี​ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย​ ได้แก่​ นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์​ อธิบดีกรมการปกครอง​ นายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน​ นายขจร​ ศรีชวโนทัย​ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น​ นายวราพงษ์​ เกียรตินิยมรุ่ง รองอธิบดีกรมที่ดิน​ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ดร.ศิริมาเมธ์วดี​ ศิรธนิตรา​ นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร​ ในฐานะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย​ พร้อมด้วย​นายชลธี ยังตรง​ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี​ นายสมเพชร​ สร้อยสระคู​ นางทรงลักษณ์​ วรภัย​ นายสมเจตน์​ เต็งมงคล​ และนายกำพล​ สิริรัตตนนท์​ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี​ หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด​อุบลราชธานี ข้าราชการ​ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง​ เข้าร่วมการประชุม

ในการนี้​ นายสุทธิพงษ์​​ กล่าวว่า​ จากการรับฟังรายงานผลการขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาล​ และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ทั้ง​ 11​ ข้อ​ ของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี​ อันประกอบไปด้วย​ 1.การขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง​ (ศจพ.)​ 2.โครงการอำเภอบำบัดทุกข์​ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน 3.โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable​ Village) 4.การขับเคลื่อนการน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก​ หนอง​ นา​ โมเดล 5.การแก้ไขปัญหายาเสพติด 6.การบริหารจัดการขยะ 7.การแก้ไขปัญหาเด็ก เพื่อพัฒนาการสมวัย เจริญเติบโตดี ไอคิวดี 8.โครงการเฉลิมพระเกียรติ 9.การขับเคลื่อนการดำเนินงานวันดินโลก 10.โครงการ “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” 11.การขับเคลื่อนบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัด และชุมชน​ให้มีความสุขอย่างยั่งยืน จังหวัดอุบลราชธานี​ กิจกรรมถนนสายวัฒนธรรม เครือข่ายบวรคุณธรรม​ ถือได้ว่ามีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง​ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของทางจังหวัดในการแก้ไขปัญหาต่างๆ​ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ​ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะฝากเอาไว้​ นั่นก็คือ​ การทำให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเกิดกลายเป็นความยั่งยืน​ พร้อมกับร่วมกันขยายผลให้สิ่งที่ดีเหล่านี้ไปสู่ผู้ที่ยังไม่รู้​ยังไม่ทราบ​ด้วย​ เพื่อให้เกิดการต่อยอดสิ่งดีๆ​ ไปสู่วงกว้างต่อไป​ 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า​ จ.อุบลราชธานี ถือเป็นมหานครแห่งโคก​ หนอง​ ​นา​ ตนจึงอยากเห็นจังหวัดแห่งนี้เป็นอรุณแรกแห่งสุวรรณภูมิ​ที่มีความพร้อมทั้งในเรื่องของคุณภาพและปริมาณ​ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นเมืองแห่งการขับเคลื่อน​การพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)​ ขององค์การสหประชาชาติ​ ทั้ง​ 17​ ข้อ ให้เกิดผลขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต​ พร้อมกันนี้ ขอให้ทางจังหวัดหมั่นลงพื้นที่เพื่อ​ติดตาม​ ตรวจเยี่ยม​ ให้กำลังใจ​ และยุยงส่งเสริม​ให้คนในพื้นที่เกิดความกระตือรือร้นอยากที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน​ อันถือเป็นกุศโลบายสำคัญในการขับเคลื่อนงานมหาดไทยสู่ท้องที่ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ​ โดยขอเน้นย้ำให้ทีมงานของผู้ว่าราชการจังหวัด​ และ​ 7​ ภาคีเครือข่ายช่วยกันทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพราะ​การจะขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน​​ใ​ห้เกิดประสิทธิผลได้นั้น​ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันอย่างสมัครสมานสามัคคี​ โดยให้มีการบูรณาการคน​ บูรณาการการทำงานร่วมกัน​อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ดำเนินการมานี้ถือว่าเป็นการตอบสนองนโยบายตามที่วางไว้แล้ว​ เพียงแต่อยากให้มีการสร้างความยั่งยืนในระยะยาวเพิ่มเติมด้วยโดยความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ​ซึ่งควรเป็นเรื่องของความสมัครใจ​ ไม่ใช่การบีบบังคับแต่อย่างใด​ และควรต้องมีกลุ่มคนที่มีความเสียสละและจิตอาสาลงมือทำเป็นแบบอย่างเสียก่อน​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนมหาดไทยของเรา​ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ความยั่งยืนนั้นย่อมอยู่ที่หัวใจเป็นสำคัญ​นั่นเอง

นายสุทธิพงษ์​ กล่าวเพิ่มเติมว่า​ ในฐานะที่ทุกท่านเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​ อย่าลืมที่จะสะกดจิตตัวเองว่าตนนั้นมีหน้าที่ทำงานเพื่อชาติ​พระศาสนา​ และสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงมีพันธกิจสำคัญในการบำบัดทุกข์​ บำรุงสุข​ เพื่อพี่น้องประชาชนตลอดอายุราชการ​ ฉะนั้น​ จงกล้าที่จะสื่อสารและแลกเปลี่ยนกับผู้บังคัญชา​ เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีกว่า​ (Change​ for Good) และกล้าที่จะทำความดี​ นอกจากนี้เหนือสิ่งอื่นใด ต้องมี Passion ในการทำงาน​ พร้อมกับมีความตื่นตัวคิดริเริ่มสิ่งดีๆ​ ให้ผู้บังคับบัญชาเห็นคล้อยตาม​ และทำตามที่เรานำเสนอ​ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นพี่น้องประชาชนต้องมีความสุขอย่างยั่งยืน.