รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference วันที่ 24 สิงหาคม นี้ มีวาระที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจากหน่วยงานต่าง ๆ เสนอเข้ามาให้กับที่ประชุมพิจารณา โดย กระทรวงการคลัง เสนอพิจารณาคงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% (รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไปอีก หลังจากภาษีเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.64 โดยคาดว่าจะเสนอขยายภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 1 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 – 30 ก.ย.65 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ประชาชนต้องพบกับวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ยังเสนอขอแก้ไขสัญญากู้จากองค์การการค้าความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น เลขที่ TXXXV-1 สำหรับโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถ ภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค และรายงานผลของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 – 2563 รวม 2 ฉบับ เช่นเดียวกับรายงานกิจการประจำปี งบดุลบัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563

นอกจากนี้ยังคาดว่า ในการประชุมครม. ครั้งนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ จะเสนอการเยียวยาผู้ประกันตนที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมการระบาดสูงสุด 13 จังหวัดที่ทางรัฐบาลได้ประกาศล็อกดาวน์อีก 1 เดือน ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการ ยังเตรียมเสนอแนวทางการเยียวยาการอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนสายอาชีพ อาชีวศึกษาด้วย