สเต็ปต่อไปที่ต้องจับตาขึ้นอยู่ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะตัดเชือกยุบสภาหรือจะยืดเวลาไปจนครบเทอม หากมองสถานการณ์การเมืองในภาพรวมตอนนี้ ยังไม่ใช่จังหวะเวลาที่ฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบมั่นใจว่าคว้าชัยชนะเลือกตั้งได้ เพราะสแกนความพร้อมของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ยังไม่เต็ม 100%
แน่นอนว่าหลังจากนี้จะต้องเจอกับแรงเสียดทานกดดันให้ยุบสภาดังกระหึ่มขึ้น เพราะดูจากสภาพของสภาที่ล้มรายสัปดาห์จนคนเอือมระอาไปทั้งแผ่นดิน ทำงานออกกฎหมายแก้ปัญหาให้กับประชาชนไม่ได้
ในตอนนี้ทุกอย่างเลยยังดูขลุกขลักเกินไปสำหรับ 2 ป. โดยเฉพาะเรื่องการจัดทัพพร้อมรบ เริ่มที่ “ป.ประยุทธ์” ที่หลังจากเปิดตัวร่วม “พรรคไทยสร้างชาติ” อย่างอลังการ ล่าสุดก็ประเดิมกระโดดขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่ จ.ชุมพร อย่างยิ่งใหญ่
แต่เมื่อมาดูไส้ในของพรรคแล้วยังมีปัญหาที่คนข้างนอกยังคงลุ้นอยู่ว่าพรรครวมไทยสรางชาติจะได้ ส.ส. ถึง 25 เก้าอี้หรือไม่ เนื่องจากพลพรรคที่ซ้อมรบอยู่ตอนนี้ หลายคนเป็นผู้สมัครสอบตก ที่สำคัญ “บิ๊กตู่” ที่อาสาเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ภายใต้เงื่อนไขเหลือวาระดำรงตำแหน่งอีกแค่ 2 ปี หรือเรียกง่ายๆ ว่าถ้าเป็นนายกฯ ก็ใกล้หมดอายุ

“บิ๊กตู่” ประกาศบนเวทีว่า“นี่คือคำสัญญาของตนลูกผู้ชายคนหนึ่งที่จะทำให้คนไทยทั้งชาติดีขึ้น และอีก 2 ปีข้างหน้าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นไปอีก วันนี้มาฐานะนักการเมือง ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยทั้งชาติ” พร้อมยืนยันว่า พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้มาปีเดียวหรือ 2 ปีแล้วเลิก แต่พรรคจะเดินหน้าต่อไป
แม้ “บิ๊กตู่” สัญญาลูกผู้ชายขอเวลาอีก 2 ปี บางคนก็ย้อนดูสัญญาแรกที่บอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน แต่วันนี้ก็ยาวนานมากว่า 8 ปีแล้ว จนเสียงที่อยากเปลี่ยนผู้นำเริ่มดังขึ้น ที่สำคัญเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องสำคัญในการแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ที่เมื่อยิ่งเจอสถานการณ์โลกบีบรัด ยิ่งเป็นโจทย์หินที่ยังแก้ไม่ตก
มาดูโจทย์ยากของฝั่ง “ป.ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ถูกชูเป็น แคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียวของพรรค ช่วงหลังได้เห็นการปรับภาพลักษณ์เปลี่ยนลุคใหม่เป็นหล่อ สมาร์ท ใจดี เดินลงถนนลุยตลาดพบปะชาวบ้าน สุดคึกนำเปิดนโยบาย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคคึกคัก
ล่าสุด “บิ๊กป้อม” ก็ซุ่มปิดดีลดึง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อม “แก๊งกุมาร” นายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ต้อนรับกลับพรรค อุดช่องโหว่ทีมเศรษฐกิจ เปิดประตูสร้างความนิยมเพิ่มคะแนนเสียง
ทว่าเมื่อมองปัญหาภายใน พรรคพลังประชารัฐ ก็ยังคงคุกรุ่น เนื่องจากตอนนี้เท่ากับว่าพรรคมีทีมเศรษฐกิจถึง 3 ทีม ทั้งทีมเก่าที่นำโดย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ทีมของนาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และทีมใหม่ของ นายสมคิด กลายเป็นเสือ 3 ตัวที่คอยขย้ำกันเอง ดังนั้น “บิ๊กป้อม” อาจต้องสาละวนกับการแก้ปัญหาภายใน ที่แม้พรรคจะเป็นเหมือนบ้านทรายทองหลังงาม แต่อาจไม่ใช่วิมานที่น่าอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นตัวฉุดรั้งการนำทัพสู่สงครามเลือกตั้งได้
ทั้งหมดนี้คือโจทย์ยากของ 2 ป. ที่ต้องเร่งแก้ให้ทันกับเงื่อนเวลาที่บีบรัดเข้ามาทุกที…