น.ส.รัชนิดา หนูเรือง ผู้จัดการบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สาขาสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากรถมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ประเด็นคือผู้ประสบภัยดังกล่าวไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายหรือได้รับไม่คุ้มกับค่าเสียหายที่แท้จริง การใช้สิทธิทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายก็ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการยาวนาน ดังนั้นเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการชดใช้อย่างทันท่วงที จึงมีกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมา โดยสาระสำคัญกำหนดให้เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถทุกคันมีหน้าที่ต้องจัดทำประกันภัยตามมาตรา 7 ซึ่งบริษัทประกันภัยจะรับผิดและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อชีวิตร่างกายให้ผู้ประสบภัยจากรถ โดยการชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นไปก่อนโดยไม่ต้องพิสูจน์ความรับผิดชอบของผู้ขับขี่รถภายใน 7 วัน เนื่องจากอุบัติเหตุจากการใช้รถจะต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกระทำผิดหรือกระทำละเมิด การได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นจะไม่ตัดสินผู้ประสบภัยที่เป็นผู้ถูกละเมิดในการเรียนร้องค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติม

สำหรับความคุ้มครองเฉพาะค่าเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยให้กับผู้ประสบภัย ไม่รวมค่าเสียหายต่อทรัพย์สินได้แก่ค่าเสียหายเบื้องต้น ยังไม่พิสูจน์ความรับผิด กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาลตามความเสียหายที่แท้จริงไม่เกิน 30,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีเสียชีวิตสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ 35,000 บาทต่อหนึ่งคน ซึ่งทั้ง 2 กรณีรวมกันไม่เกิน 65,000 บาทต่อหนึ่งคน ส่วนค่าสินไหมทดแทน กรณีพิสูจน์ความรับผิดแล้วที่ผู้ขับขี่รถคันที่มีประกันภัยเป็นฝ่ายต้องรับผิดหรือกระทำละเมิด บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ประสบภัยที่ถูกกระทำหรือถูกละเมิด ที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิต-ร่างกายหรืออนามัย รวมค่าเสียหายเบื้องต้น

กรณีบาดเจ็บบริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายอย่างอื่นที่ผู้ประสบภัยเรียกร้องได้ตามความเสียหายที่แท้จริงแต่ไม่เกิน 80,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีสูญเสียอวัยวะทุพพลภาพ ได้แก่ทุพพลภาพถาวรโดยสิ้นเชิง บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาท, สูญเสียมือสองข้างตั้งแต่ข้อมือ แขนสองข้าง เท้าสองข้าง หรือขา 1 ข้างและแขน 1 ข้าง หรือตาบอด 2 ข้าง บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาทต่อหนึ่งคน, สูญเสียมือข้างหนึ่งตั้งแต่ข้อมือ แขนหนึ่งข้าง เท้าหนึ่งข้างตั้งแต่ข้อเท้า ขาหนึ่งข้าง ตาบอด 1 ข้าง สูญเสียการได้ยินหรือหูหนวก สูญเสียความสามารถในการพูด สูญเสียม้าม ปอด ตับ ฟันแท้ตั้งแต่ 5 ซี่ สูญเสียกะโหลกศีรษะ หรือต้องใช้กะโหลกเทียม บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน 250,000 บาทต่อหนึ่งคน และสูญเสียนิ้วตั้งแต่ข้อนิ้วขึ้นไป ไม่ว่าจะนิ้วเดียวหรือหลายนิ้ว บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน 200,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีเสียชีวิต บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ใน บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยรายวัน วันละ 200 บาทไม่เกิน 20 วัน เป็นค่าเสียหายที่เพิ่มขึ้นมาจากข้างต้น

อย่างไรก็ตาม หากท่านเป็นผู้กระทำละเมิด ซึ่งหมายถึงการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเสียหายแก่ชีวิตหรือร่างกาย ท่านจะได้รับการชดใช้จากบริษัทประกันภัยเฉพาะค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น แต่หากท่านเป็นผู้ถูกละเมิด หมายถึงมีบุคคลอื่นจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ท่านเสียหายแก่ชีวิตหรือร่างกาย ท่านจะได้รับการชดใช้จากบริษัทประกันภัยเป็นค่าสินไหมทอดแทนเต็มวงเงิน