เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่สำนักงานสถานีโทรทัศน์ยูดีดี นิวส์ (UDD NEWS) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำคาร์ม็อบสมบัติทัวร์ ร่วมแถลงกิจกรรม “Car Mob–Call Out 29 สิงหา”       

โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า  การนัดหมายกิจกรรม Car Mob–Call Out 29 สิงหา การนัดหมายครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนขบวนครั้งสำคัญ เพราะหลังจากนี้เราจะยกระดับการเคลื่อนไหวเชิญชวนประชาชนทั้งประเทศออกมาแสดงพลังไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นากรัฐมนตรี ขับไล่พ้นตำแหน่งนายกฯ ดังนั้นท่านที่เคยออกมาร่วมขบวนคาร์ม็อบ คาร์ปาร์กกันแล้ว ขอเชิญชวนวันที่ 29 ส.ค.นี้ต้องออกมา ท่านที่ยังไม่เคยออกมาไม่ว่าจะในครั้งใดก็ตาม เราต้องการพลังจากทุกท่าน เราต้องการให้คนทั้งโลกเห็นพร้อมกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า มีประชาชนจำนวนมากมายมหาศาลเพียงใด พร้อมที่จะเคลื่อนไหว ฝ่าข้อจำกัดของโรคระบาดร้ายแรง เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งนายกฯ 29 ส.ค.นี้จึงเป็นการแสดงพลังครั้งสุดท้ายก่อนจะมีการชุมนุมใหญ่ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น  

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า การเคลื่อนขบวนคาร์ ม็อบ คอลเอาต์ คราวนี้เราจะหลอมรวมพลังทุกกลุ่ม ทุกสาย ทุกเส้นทางไว้ด้วยกัน เดิมจะมีการนัดหมาย 3 เส้นทางหลัก แต่คราวนี้ขอประกาศจุดนัดหมายเดียวและเส้นทางเดียวที่จะเคลื่อนขบวนไปด้วยกัน เราจะนัดพบทุกกลุ่มทุกขบวนที่จะร่วมในเวลา 14.00 น. ที่อุโมงค์ทางลงแยกเกษตร หัวขบวนมุ่งหน้าวิภาวดี ท้ายขบวนตรงยาวไปตาม ถนนเกษตรนวมินทร์ 15.00 น. จะมีการเคลื่อนขบวนออกจากจุดนัดหมาย ข้ามสะพาน ถนนวิภาวดี มุ่งหน้า ถนนงามวงศ์วาน ข้ามสะพานแยกพงษ์เพชร ตรงไปข้ามสะพานแยกแคราย ต่อด้วยขึ้นสะพานพระนั่งเกล้า ที่เป็นสะพานสร้างใหม่ ไม่ใช่สะพานพระนั่งเกล้าเดิม  

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ดังนั้นแนวเส้นทางก็จะขนานไปกับเส้นทางรถไฟฟ้าลงจากสะพานพระนั่งเกล้าผ่านแยกท่าอิฐ วนสะพานยกระดับโค้งขวาไปตาม ถนนราชพฤกษ์ ขี้นทางยกระดับวนขวาลง ถนนชัยพฤกษ์ จาก ถนนชัยพฤกษ์ตรงไปขึ้นสะพานพระราม 4 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ลงตรงห้าแยกปากเกร็ดเพื่อเข้า ถนนติวานนท์ จากนั้นตรงยาวทางสวนสมเด็จฯ แล้วก็ตรงไปเรื่อยจะเชื่อมต่อพื้นที่ จ.นนทบุรี เข้าสู่ จ.ปทุมธานี หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปตามเส้นทาง จ.ปทุมธานี ไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานปทุมธานีแล้วไปสุดทางที่ลานเทพปทุมริมแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าศาลากลาง จ.ปทุมธานี หลังเก่า เส้นทางจะเป็นตามนี้เส้นทางเดียวด้วยกันทั้งขบวน  

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า คาร์ม็อบคราวนี้จึงแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา เราเดินทัพทางไกลร่วม 50 กม.เชื่อมต่อ กทม.ปริมณฑล กินพื้นที่ 3 จังหวัด และเมื่อไปถึงที่หมายตรงลานเทพปทุมแล้วจะมีการปราศรัยปิดขบวนตรงนั้น เพื่อประกาศเจตนารมณ์ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วก็กำหนดนัดหมายการชุมนุมใหญ่ในครั้งถัดไป ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เห็นรูปแบบคาร์ม็อบเคลื่อนขบวนแบบที่ผ่านๆ มา ดังนั้นใครที่ยังไม่เคยออกมาเคลื่อนขบวนรถยนต์เป็นขบวนต่อสู้กับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาวันที่ 29 ส.ค.นี้ หลังจากนี้รูปแบบคงเปลี่ยนแปลงไป แต่เรายังคงยืนยันหลักการสันติวิธี เรามีเจตนาโดยเปิดเผยที่จะเลี่ยงพื้นที่เปราะบาง พื้นที่เผชิญหน้า และสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การปะทะและความรุนแรงทุกรูปแบบ ไม่มีลุย ไม่มีบวก ไม่มีปะทะ มีแต่ความมุ่งมั่นไม่ลดละที่จะไล่ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นตำแหน่งนายกฯ และยินดีเปิดรับทุกกลุ่มทุกคนทุกฝ่ายที่มีเจตนารมณ์ร่วมกัน 

“พล.อ.ประยุทธ์ เคยเอารถถังมายึดอำนาจจากประชาชน วันที่ 29 ส.ค. 64 ขอเชิญชวนประชาชนเอารถยนต์ รถจักรยานยนต์ มายึดอำนาจคืนจาก พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่จะอยู่กันไปอีกยาว 10 ปี หรือ 15 ปี หรือมากมายไปกว่านี้ ขอให้หยุดกันตรงนี้หลังจากวันที่ 29 ส.ค. เราจะพบกันในการเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งสำคัญ สำหรับกิจกรรมจะยุติไม่เกิน 18.00 น. โดยจะยุติที่ลานเทพปทุม จ.ปทุมธานี จึงขอแสดงความหวังจากตรงนี้ว่าในวันที่ 29 ส.ค. ทุกอย่างจะเริ่มต้นและจบลงด้วยความสงบเรียบร้อย เราหวังใจว่าจะไม่มีเหตุปะทะรุนแรงไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดก็ตามในวันนั้น หวังว่าพลังเนื้อหา สาระ หรือรูปแบบการเคลื่อนไหวในวันที่ 29 ส.ค. จะมีพื้นที่สาธารณะในทุกช่องทางสื่อสารมวลชนและสื่อออนไลน์สื่อไปถึงประชาชน และคนทั่วโลกได้อย่างเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น” นายณัฐวุฒิ กล่าว  

ด้านนายสมบัติ กล่าวต่อว่า มั่นใจว่าการชุมนุมในวันที่ 29 ส.ค.นี้จะมีประชาชนเข้าร่วมมากที่สุดตั้งแต่ทำกิจกรรมกันมา เราจะใช้จำนวนคนที่เข้าร่วมกิจกรรมเสนอไปถึงตัว พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่อย่างนั้นฝ่ายการเมืองก็จะบอกว่าเป็นเพียงแค่ประชาชนกลุ่มหนึ่ง ทั้งนี้หลังวันที่ 29 ส.ค. จะเป็นช่วงเวลาสำคัญเชื่อมต่อระหว่างกิจกรรมในสภาและกิจกรรมนอกสภา ซึ่งจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตนได้คุยกับนายณัฐวุฒิไว้ว่าเราคาดหวังว่าจะมีกิจกรรมขนาดใหญ่หลังจากนั้น ซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่คาร์ม็อบ จะเป็นการลงคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลนอกสภา  

นายสมบัติ กล่าวว่า หากเสียงในสภายังไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลอยู่ ก็จะเป็นเงื่อนไขในการชุมนุมใหญ่ต่อเนื่องต่อไป และขอให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาตัวเองด้วย หากไม่ดำเนินการใดๆ ประชาชนจะเป็นฝ่ายตัดสินเองไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งหรือดำเนินการใดๆ หลังจากนี้  ช่วงเวลา 10 วันหลังจากนี้ความเข้มข้นทางการเมืองจะไปถึงจุดนั้น คิดว่า 2 อาทิตย์น่าจะรู้เรื่อง